🌎 Global Update ยอดค้าปลีก US พุ่งแรง แต่ยัง “วางใจไม่ได้”? พร้อมเจาะลึกก้าวสำคัญโลกคริปโต & ETF ธีมบล็อกเชนที่น่าจับตา!
เมื่อคืน S&P500 ทำนิวไฮอีกครั้ง ขณะที่ดอลลาร์ก็แข็งค่าด้วย หลังการรายงานยอดขายปลีกเดือนมิถุนายนออกมาดีกว่าคาดอย่างมาก
🔊เรื่องราวที่น่าสนใจ
1. สรุปรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ มิ.ย.
- ภาพรวมแข็งแกร่งเกินคาดในทุกหมวดหมู่ โดยยอดขายทั่วไป (Headline) และ ยอดขายพื้นฐาน (Core) เพิ่มขึ้น 0.6%m-m กลุ่มควบคุม (Control group) ที่ตัดรถยนต์ น้ำมัน และวัสดุก่อสร้างออก (เพื่อดูพฤติกรรมการบริโภคที่แท้จริง) ก็โต 0.5% m-m แม้แต่การใช้จ่ายในร้านอาหารและสถานบันเทิง ซึ่งสะท้อน “การใช้เงินฟุ่มเฟือย” ยังโตถึง 0.6% m-m
- อย่างไรก็ดี ความแข็งแกร่งของยอดขายปลีกรอบนี้ยังมี “ข้อควรระวัง” อยู่ไม่น้อย
I) ตัวเลขยอดขายคิดเป็นมูลค่า (nominal) ไม่ได้หักเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน รายงานนี้ยังเน้นหนักไปทาง “สินค้า” มากกว่า “บริการ” ซึ่งราคาสินค้าก็มักตอบสนองต่อการขึ้นของต้นทุนได้เร็วกว่า… จึงเป็นไปได้ว่าตัวเลขที่ดูดี อาจไม่ได้สะท้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้นจริง แต่เป็นผลจาก ราคาสินค้าที่แพงขึ้น มากกว่า “ปริมาณการซื้อที่มากขึ้น”
II) เมื่อหักเงินเฟ้อออก จะเห็นว่าแนวโน้มการบริโภคก็ยังชะลอตัวลงต่อเนื่อง และเมื่อประกอบกับ GDPNow ไตรมาส 2 ล่าสุด ที่ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ในทิศทาง “อ่อนแรงลง” แม้ยอดขายปลีกจะดูสดใสในแวบแรกก็ตาม
- ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลงชัดเจน ประกอบกับระดับมูลค่าหุ้นของหุ้นโลกที่ยังแพง เราจึงยังคงเน้นจัดพอร์ตแบบระมัดระวังต่อไป
2. เงินเฟ้อญี่ปุ่นมิ.ย. ออกมาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
- Core CPI อยู่ที่ 3.3% ต่ำคาด และลดลงจาก 3.7% ในเดือนก่อน ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้านี้ และเราก็เชื่อว่าหลังจากนี้อาจจะค่อยๆเห็นการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อด้านอาหารที่ยืดเยื้อมานาน
- เงินเฟ้อที่มีทิศทางค่อยๆ ชะลอลง จะลดความกังวลทั้ง 2 เรื่อง คือ BOJ ขึ้นดอกเบี้ย และค่าเงินเยนแข็งค่า… ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อหุ้นญี่ปุ่นในระยะกลางถึงยาว
- สำหรับภาพกลยุทธ์ ตอนนี้เรายัง “ไม่รีบร้อนไล่ซื้อ” ต้องการรอจังหวะตลาดพักฐานก่อน เพื่อความปลอดภัยและมี buffer รองรับความผันผวนในครึ่งปีหลัง
3. ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของวงการคริปโต และ Blockchain โลก
- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เพิ่งผ่านร่างกฎหมายด้านคริปโตที่สำคัญ 3 ฉบับ
I) GENIUS Act กฎหมายกำกับ Stablecoin
ซึ่งกำหนดว่าใครจะออกเหรียญ Stablecoin (เช่น USDT, USDC) ได้ ต้อง ขอใบอนุญาตจากรัฐบาลกลาง และต้องมีเงินสำรอง 100% จริง เพื่อค้ำมูลค่าของเหรียญ
📌 ดีต่อการลงทุนยังไง:
✅ นักลงทุนสบายใจมากขึ้น เพราะมั่นใจว่า Stablecoin “มีเงินจริงรองรับ”
✅ ดึงเม็ดเงินสถาบันเข้ามาในตลาดคริปโตได้ เพราะระบบดู “น่าเชื่อถือ” มากขึ้น
✅ ปูทางให้ Stablecoin ใช้งานได้จริงในระบบการเงิน เช่น ชำระเงิน ซื้อขายข้ามประเทศ ฯลฯ
สรุป: เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Stablecoin ดูปลอดภัย ไม่ใช่แค่ของเล่นในตลาดคริปโต (ผ่านสองสภาแล้ว รอส่งให้ทรัมป์ลงนาม)
II) CLARITY Act กฎหมายจัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัล
ซึ่งชี้ชัดว่า “เหรียญไหนอยู่ภายใต้หน่วยงานไหน” เช่น หากเหรียญมีลักษณะคล้ายหุ้น → ให้ SEC กำกับ, หากเป็นเหมือนทอง/สินค้าโภคภัณฑ์ → ให้ CFTC ดูแล
📌 ดีต่อการลงทุนยังไง:
✅ โปรเจกต์ต่าง ๆ จะ “กล้าพัฒนา-เปิดตัว” ในสหรัฐฯ มากขึ้น
✅ นักลงทุนรู้ว่าเหรียญไหนถูกกฎหมาย และอยู่ในกรอบใด
✅ ลดความเสี่ยง “โดนฟ้องย้อนหลัง” แบบที่ SEC เคยเล่นงานหลายเหรียญในอดีต
สรุป: เป็นการสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย ลดความกลัวของนักลงทุน และกระตุ้นนวัตกรรมในตลาดคริปโต
III) กฎหมายต่อต้านเงินดิจิทัลกลาง (CBDC) แบบรวมศูนย์
กฏหมายนี้จะต่อต้านการที่รัฐบาลกลาง (ผ่าน Fed) จะออก เงินดิจิทัลกลาง (CBDC) ที่รัฐควบคุมได้ 100% เช่น ตามธุรกรรมได้หมด หยุดการใช้เงินของใครก็ได้… ลดความกังวลว่า CBDC จะกลายเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชน เช่น ปิดบัญชีใครก็ได้ หรือบังคับให้ใช้เงินแบบที่รัฐกำหนด
📌 ดีต่อการลงทุนยังไง:
✅ ถ้าไม่มี CBDC รวมศูนย์ → คนจะยังหันมาใช้ Stablecoin หรือคริปโต “เอกชน” เป็นทางเลือก
✅ ลดความเสี่ยงที่คริปโตจะถูก “รัฐมาแย่งพื้นที่” หรือแข่งขันโดยไม่เป็นธรรม
✅ หนุนแนวคิด “เงินเสรี” ซึ่งเป็นหัวใจของโลกคริปโต
สรุป: เป็นกฎหมายที่ช่วยปกป้องระบบคริปโตจากการแทรกแซงที่เกินไปจากรัฐ และรักษาพื้นที่ให้เอกชนเติบโต
- หากนักลงทุนเชื่อมั่นและสนใจในธีมคริปโตและบล็อกเชน สามารถรับความผันผวนได้สูงมาก และพร้อม cut loss หากทิศทางราคาไม่เป็นไปตามที่หวัง… การลงทุนผ่าน DAPP ETF (VanEck Digital Transformation ETF) ก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและช่วยกระจายความเสี่ยง
📌 จุดเด่นของ DAPP ETF คือการมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่ “สร้างรายได้จริง” จากธุรกิจเกี่ยวกับคริปโต ไม่ใช่เพียงแค่การถือครองเหรียญไว้เฉย ๆ นักลงทุนจึงมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ผ่านบริษัทที่มีบทบาทชัดเจนและมีรายได้เป็นรูปธรรม
Thanachart Global Investment
🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment
เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง
📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://bit.ly/3Q679OY หรือ Contact center 02-779-9000
เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global
👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2