ยอดค้าปลีกสหรัฐฯแผ่ว-สถานการณ์อิหร่านปะทุ ฉุดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่ง Bond Yield ร่วง ดอลล่าร์แข็งค่า ทว่าทองคำกลับอยู่นิ่ง-ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแปลงมากนัก

🔊เรื่องราวที่น่าสนใจ

1. สถานการณ์อิหร่านปะทุ อย่างไร?

• ทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่าน “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข” พร้อมขู่โจมตีผู้นำสูงสุดของอิหร่าน และหลังจากนั้นก็เรียกประชุมทีมความมั่นคงแห่งชาติ
• สมาชิกสภาบางส่วนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถล่มโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดิน Fordow ด้วย “ระเบิดทะลวงบังเกอร์” หากจำเป็น

⚡️ มุมมองของเรา

• เรื่องดังกล่าวสะท้อนว่า ปัจจุบันสถานการณ์ “เข้าใกล้จุดชี้ขาด” ว่า สหรัฐฯ จะเข้าร่วมโจมตีอิหร่านหรือไม่
  อย่างไรก็ดี หากทรัมป์หนุนสงครามเต็มตัวแบบออกนอกหน้า ก็เสี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์รุนแรงเกินเหตุ จนเป็นการบั่นทอนเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม
• คงมุมมองว่า ควร “ระวัง” หุ้นสหรัฐฯ โดยจากสถิติตั้งแต่ปี 1940 ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์มักกดดันให้หุ้นผันผวนอย่างมากในช่วง 3 เดือนแรก นอกเหนือจากนี้ ตลาดหุ้นยังถูกกดดันด้วย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงจากเดิม และความไม่แน่นอนเรื่องร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
• ตามปกติเมื่อเกิดความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ มักส่งผลบวกต่อทอง ทว่ารอบนี้ทองกลับนิ่งเกินคาด… นักลงทุนกลับเลือกที่จะไปถือ ดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ แทน ซึ่งเป็น safe haven ที่มีสภาพคล่องสูงกว่า อาจเป็นการชี้ว่า
  🔥 นักลงทุนรายใหญ่อาจถือทองอยู่ในพอร์ตไว้เยอะแล้ว และต้องการใช้โอกาสนี้ทยอยขายทำกำไร
  🔥 หรือ นักลงทุนกำลังต้องการสภาพคล่องสูง เพื่อเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเร็วขึ้นในระยะข้างหน้า

2. จับสัญญาณเศรษฐกิจจากตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ พ.ค.

• ร่วง -0.9%m-m หนักสุดในรอบปี และแย่กว่าคาดที่ -0.6%m-m, หมวดที่ร่วงแรงคือพวกที่อ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจ อย่าง รถยนต์, วัสดุก่อสร้าง, ร้านอาหาร 🔥 – ปัจจัยกดดันหลัก คือ การชะลอการซื้อ หลังจากที่ได้เร่งสั่งของไปก่อนหน้านี้, ค่าครองชีพและดอกเบี้ยที่สูง บีบกำลังซื้อของครัวเรือน, และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ โดย ผู้บริโภคถึง 3 ใน 5 เริ่ม “ตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น” แล้ว
• จะยังไม่ค่อยเห็นผลกระทบต่อ GDP เนื่องจาก ยอดขายในหมวด Control-group (ซึ่งไม่ค่อยเหวี่ยงตามภาวะเศรษฐกิจ) ยังแข็งแรงแต่ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชี้ว่า ที่ผ่านมา “ตลาดชะล่าใจเกินไป และหุ้นสหรัฐฯก็แพงเกินไป” ไม่สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

3. สรุปผลประชุม BOJ

• คงดอกเบี้ย และชะลอแผนลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล (QE Taper) ลงครึ่งนึงตั้งแต่ เม.ย.26 เป็นต้นไป
• ท่าที Dovish กว่าที่ตลาดคาดดังกล่าว สอดคล้องกับมุมมองของเราในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้นญี่ปุ่นขึ้นแรง โดยได้ตอบรับปัจจัยเก็งกำไรในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว เป็นโอกาสที่ดีในการ “ขายล็อคกำไร” KF-HJAPAND

4. TikTok ได้รับการขยายเวลายื่นขายเพิ่มอีก 90 วัน

• ทรัมป์เซ็นคำสั่งขยายเวลายื่นขาย TikTok เพิ่มอีก 90 วัน (จนถึงกลางเดือนกันยายน) โดยถือเป็นการขยายเวลาครั้งที่ 3 แล้ว
• เรื่องดังกล่าวเป็นการลด “ความหวาดระแวงด้านกฎหมาย” ของบรรดาบริษัทเทคในยุคทรัมป์ และส่งผลบวกทางอ้อมต่อการเจรจากับจีน อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวมในระยะสั้น ค่อนข้างจำกัด

5. ไต้หวันขึ้นบัญชีดำ Huawei และ SMIC เป็นครั้งแรก

• การขึ้นบัญชีดำ คือ การห้ามบริษัทไต้หวันทำธุรกิจกับสองบริษัทนี้ หากไม่มีใบอนุญาตจากรัฐบาล โดยรัฐบาลจะพิจารณาเป็นรายกรณี ว่าดีลนั้น เข้าข่ายเสี่ยงต่อความมั่นคง, การถ่ายโอนเทคโนโลยี หรือไม่
• ผลกระทบในระยะสั้นน่าจะจำกัด แต่ภาพระยะยาวถือได้ว่าเป็น “จุดเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์” ที่ไต้หวันไม่ใช่แค่พึ่งสหรัฐฯ แต่เริ่ม “ร่วมวงจำกัดเทคโนโลยีจีน” อย่างชัดเจน
• หุ้นกลุ่ม “China+1” และ “non-China fabless” อาจได้ประโยชน์
• TSMC อาจได้รับแรงกดดันเชิงลบระยะสั้น แต่มีโอกาสจะได้สิทธิ์และโครงการใหม่จากสหรัฐฯ เพิ่มเติม

Thanachart Global Investment

🌟ก้าวสู่การเป็นเจ้าของหุ้นชั้นนำระดับโลกใน 10 ประเทศ ได้แล้ววันนี้
⛔️ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน

📱เทรดผ่านระบบซื้อขายเดียวตลอด 24 ชม.
✅ฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินไป-กลับ
🇺🇸 เป็นเจ้าของหุ้นสหรัฐเงินลงทุนเริ่มต้นหลักร้อย ผ่านการซื้อขายแบบเศษหุ้นได้ (US fractional shares)
🇺🇸บริการยื่นภาษีสหรัฐ เพียง 1,000 บาท ใช้บริการถึงสิ้นปี 2568

🌟คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://global-investment.thanachartsec.com/

📱 โหลดเลย Think+ global app เทรดได้ง่ายๆตลอด 24 ชม
https://microsite.thanachartsec.com/mobile-link/thanachart-think-plus-global
📞สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ Contact center 02-779-9000