ไตรมาสนี้กองอะไรน่าลงทุน?
✅K-GDBOND-A(A)
📌เหมาะสำหรับใช้เป็นแกนหลักของพอร์ต สำหรับรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเร็วขึ้น และความไม่แน่นอนทางการค้า พร้อมรับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง ช่วยหนุนมูลค่าการลงทุนในระยะข้างหน้า
📌กองทุนหลัก PIMCO Income เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพสูง (เฉลี่ย AA-) ที่มั่นคงต่อวัฏจักรเศรษฐกิจและมีศักยภาพสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอในระยะยาว, บริหารโดยทีมงานระดับโลกซึ่งชำนาญตราสารหนี้ และมุ่งปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา
✅ONE-FFI
📌เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ไทย
📌พอร์ตลงทุนมี Yield to Maturity อยู่ที่ 4.1% (ณ มิ.ย.) สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ไทยระยะสั้นคุณภาพดี ที่ให้ผลตอบแทนจากกระแสเงินสดเพียง ราว 1.2-1.8% ขณะที่ ONE-FFI เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
📌ได้รับแรงหนุนจาก ทรัมป์สามารถเจรจาข้อตกลงกับคู่ค้าหลักได้สำเร็จ ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในบทบาทของดอลลาร์ในระบบการค้าโลก ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ที่มีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุก ยังเอื้อต่อการอ่อนค่าของเงินบาทอีกด้วย
✅ES-HEALTHCARE
📌ได้รับแรงหนุนจากการแต่งตั้ง Dr. George Tidmarsh ที่มีความเข้าใจธุรกิจและเปิดกว้างต่อนวัตกรรม เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ CDER ของ FDA สหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการอนุมัติยาและกำกับกฎระเบียบ… ขณะเดียวกัน นโยบายของทรัมป์ต่อหุ้นสุขภาพโดยรวม ก็ดูผ่อนคลายกว่าที่ตลาดเคยกังวล
📌กลุ่มสุขภาพเป็นหุ้น Defensive ที่มักรักษาการเติบโตของกำไรได้ดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ปัจจุบันกลับเทรดด้วย Forward P/E ต่ำกว่าหุ้นโลก สวนทางกับอดีต ทั้งที่ยังมีปัจจัยหนุนระยะยาวจากโครงสร้างประชากรสูงวัยและนวัตกรรมการแพทย์ที่ก้าวหน้า