การเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเมื่อคืนดูน่าสนใจเป็นพิเศษ โดย หุ้นที่ปรับลงคิดเป็นราวๆ 2 ใน 3 ของทั้งตลาด, และมองเห็นสัญญาณการย้ายลงทุนไปยังหุ้น Defensive อย่างชัดเจน

🔊เหตุการณ์สำคัญ

1. คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำสัปดาห์นี้

• แนะนำ “ขายออก” กองทุนหุ้นพลังงานโลก KT-ENERGY เพราะราคาหุ้นกลุ่มนี้ฟื้นจากข่าวบวกบ้างแล้ว ขณะเดียวกัน มองเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มชะลอตัวขึ้น จะกดดันกลุ่มพลังงานที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจสูง
• ขณะที่ แนะนำ “ซื้อเพิ่ม” กองทุนหุ้นไซเบอร์ซีเคียวริตี้ KFCYBER-A มองบริษัทในกลุ่มนี้ผลประกอบการมักไม่ค่อยอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจาก มีโมเดลธุรกิจที่มั่นคงและจำเป็นต่อทุกองค์กร อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยเมกะเทรนด์ Cloud-AI-IoT ซึ่งยิ่งก้าวหน้า ก็จะยิ่งผลักดันให้องค์กรต้องลงทุนด้าน Cybersecurity อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (ดู Wealth Strategy 8 ต.ค.)

2. ทำไมตลาดร่วง และภาพเกมอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป?

• แรงกดดันรอง: sentiment ตลาดโดยรวมโดนกดดันด้วย ตัวเลขความคาดหวังเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ Fed อาจลังเลที่จะรีบลดดอกเบี้ย, ข่าวการเข้ามาทำสงครามราคาของหุ้นใหญ่ Tesla, ข่าวทรัมป์ ออกมาพูดว่า อาจไม่จ่ายเงินเดือนย้อนหลัง ให้กับพนักงานรัฐที่ต้องหยุดพักงานในช่วง Shutdown
• แรงสั่นสะเทือนจริง: มาจาก Oracle ที่ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า ธุรกิจ AI ที่เคยถูกยกให้เป็น “ธีมแห่งอนาคต” อาจถูกคาดหวังไว้สูงเกินจริงหรือเปล่า? เมื่อเสาหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอย่าง AI เริ่มถูกสั่นคลอน นี่อาจเป็นสัญญาณว่า ตลาดอาจกำลังเข้าสู่รอบปรับฐานที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ที่มาของเรื่องดังกล่าว คือ The Information สำนักข่าวสายเทคโนโลยีและธุรกิจ เปิดเผยว่า แม้ตลาด AI จะกำลังบูมก็ตาม แต่ Oracle ขาดทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์ จากธุรกิจใหม่ “ให้เช่าชิป Nvidia Blackwell” แก่ลูกค้าต่างๆ เช่น OpenAI, xAI ของ Elon Musk, และสตาร์ทอัพ AI รายอื่น

🔥ปรากฏว่า Gross Margin จากธุรกิจดังกล่าว เพียงแค่ 16% ถือว่า “น้อยมาก” เมื่อเทียบกับธุรกิจหลักซอฟต์แวร์/คลาวด์ของ Oracle ที่มี Gross Margin 70%… กำไรขั้นต้นที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า ธุรกิจ AI ที่ถูกตั้งความหวังให้เป็น “Growth Driver” อาจกลับกลายเป็น “ตัวฉุดรั้งกำไร” หากต้นทุนยังพุ่งสูงและใช้เวลาคืนทุนยาวนานเกินไป

🔥 ไม่เพียงแค่กรณีของ Oracle เท่านั้น สำหรับ OpenAI ที่มีข่าวว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 5 แสนล้านดอลล่าร์ใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับ Hyperscale… ปัจจุบัน OpenAI มีรายได้หลักจากค่าสมาชิก ChatGPT Plus และ API ที่ขายให้บริษัทต่างๆ ซึ่งแม้จะโตเร็ว แต่ยังอยู่ในระดับหลักพันล้านดอลลาร์ต่อปี

⚠️คำถามคือ “เงินก้อนใหญ่ 5 แสนล้านจะมาจากไหน?” ต่อให้ระดมทุนได้ ก็ยังต้องลุ้นว่า Demand ฝั่งผู้ใช้ AI จะโตเร็วพอหรือไม่ และหากดีมานด์มาช้ากว่าที่ลงทุนไป การจัดการกระแสเงินสดจะกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ชี้ชะตาว่าบริษัทจะอยู่รอดและเติบโตได้จริงหรือไม่

• บทสรุป: Oracle เป็นเพียงเคสแรกๆ ที่สะท้อนความเสี่ยงเรื่อง “AI Bubble” แต่คำถามใหญ่ที่นักลงทุนต้องติดตามต่อไป คือ AI จะสร้างรายได้จริงได้เร็วพอหรือไม่ เพื่อให้คุ้มกับการลงทุนระดับมหาศาลที่กำลังทุ่มลงไป

3. FTSE Russell ประกาศปรับเลื่อนสถานะเวียดนามเป็น Emerging Market มีผล 21 ก.ย. 26

• เหตุผลหลักที่เลื่อนชั้น คือ การปฏิรูปตลาดการเงิน + ยกเลิกข้อกำหนดสำรองเงินเต็มจำนวนของนักลงทุนต่างชาติ
• การอัปเกรดโดย FTSE ค่อนข้างสำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่า MSCI Upgrade ซึ่งเป็นตัวชี้นำกระแสเงินลงทุนของบรรดากองทุนทั่วโลก และจนถึงตอนนี้ MSCI Upgrade ก็ยังไม่ได้คืบหน้าเท่าที่ควร

🔥ในช่วงหลังจากนี้มีความเสี่ยง-อาจเกิดแรงขายแบบ “Sell on Fact” เพราะก่อนหน้านี้ตลาดได้ตอบรับข่าวดีไปมากแล้ว โดย VNI ปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดถึง +54%, ขณะเดียวกัน ปัจจุบันกระแสเก็งกำไรด้วย Margin ของนักลงทุนรายย่อยก็ดูร้อนแรงเกินไป

🌎Thanachart Global Investment
🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://cutt.ly/orJYNSv3 หรือ Contact center 02-779-9000

เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global
👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2