ตลาดคริปโตยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่อง ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐโมเมนตัมดูไม่ค่อยสดใส เห็นสัญญาณเตือน 2 ประการ

ประการแรก ดัชนีถูกแบกไว้ด้วยหุ้นใหญ่ไม่กี่บริษัท โดยเฉพาะ Amazon ที่ประกาศความร่วมมือระยะยาวกับ OpenAI

ประการที่สอง มีการรินขายทำกำไรบนหุ้นธีมยอดนิยมของนักลงทุนรายย่อย อาทิ Rare Earths (ที่หลุดแนวรับสำคัญแล้ว), นิวเคลียร์, เหมืองแร่โลหะและทองคำ

📌 สัญญาณนี้สะท้อนว่า ตลาดกำลัง “ทบทวนความสมเหตุสมผลของ Valuation” ในหุ้นที่เคยถูกไล่ราคาแรงจากกระแส

เหตุการณ์น่าสนใจ

1. ไมเคิล เบอรี ตำนาน Big Short แห่ง Wallstreet กำลังเดิมพันสวนกระแส ฟองสบู่ AI ด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน put ของ PLTR และ NVDA ที่ 66% และ 13.5% ตามลำดับ

• ไม่ได้มีแค่ไมเคิล เบอรี ที่เตือนเรื่องความร้อนแรงของหุ้น AI… ผลสำรวจ Global Fund Manager ล่าสุดก็สะท้อนภาพเดียวกัน โดยระบุว่า “ฟองสบู่ในหุ้น AI” ถูกมองเป็น Tail Risk อันดับ 1 ของตลาดโลกในขณะนี้ แซงหน้าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย หรือปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
• นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็น “สัญญาณความร้อนแรงเกินพื้นฐาน” ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น

i) การลงทุนไขว้ระหว่างบริษัทเทครายใหญ่ ที่เน้นการถือหุ้นเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าการประเมินผลตอบแทนโครงการ (ROI) อย่างรอบคอบ
ii) การเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ด้วยการก่อหนี้จำนวนมาก เช่น กรณีของ Oracle ซึ่งทำให้ความเสี่ยงเชิงเครดิตสูงขึ้น หากรายได้จริงจาก AI ยังไม่เร่งตัวทันต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

📌 สัญญาณเหล่านี้ไม่ได้ยืนยันว่าฟองสบู่จะแตกในทันที แต่สะท้อนว่า “เงินลงทุนล่วงหน้า” กำลังไหลเข้าสู่ AI เร็วกว่าการพิสูจน์กระแสเงินสดและกำไรในอนาคต ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับปรากฏการณ์ก่อนฟองสบู่ในอดีต

📌 สำหรับผู้ที่เข้าใจความเสี่ยงเป็นอย่างดี และต้องการเครื่องมือสำหรับเก็งกำไรในยามฟองสบู่ AI แตก
อาจพิจารณาเก็งกำไรผ่าน Inverse ETF ชื่อ AIBD และ QID

📌 สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการสินทรัพย์หลบภัย-ยามตลาดผันผวน สามารถพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนพันธบัตรระยะสั้นสหรัฐ ONE-FFI (ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน)

2. สรุป ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ ต.ค.

• ออกมาแย่ลง สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะดีขึ้น โดย อยู่ที่ 48.7 จาก 49.1 ถือเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8, แรงกดดันหลัก คือ การผลิตชะลอลง และ สต็อกสินค้าลดลง
• ตัวเลขโดยรวมอาจยิ่งแย่กว่านี้ หากไม่ถูกพยุงด้วย Delivery Times ที่ยาวขึ้น ซึ่งเราตีความว่าเป็นเพียง Supply-side effect มากกว่าอุปสงค์แข็งแรง
• แม้ New Orders และ Employment จะฟื้นขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในโซนหดตัว ขณะที่ ดัชนีต้นทุน “Prices Paid” ลดลง สอดคล้องกับภาพเงินเฟ้อที่เริ่มผ่านจุดสูงสุด
• บทสรุปก็คือ ข้อมูลนี้เอื้อต่อการลดดอกเบี้ยในรอบธ.ค. เพราะ โมเมนตัมเศรษฐกิจอ่อนแรง, แรงกดดันเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง, ความเสี่ยงการว่างงานเพิ่มขึ้น

📌แนะนำ “ทยอยสะสม” กองทุนตราสารหนี้คุณภาพ K-GDBOND-A(A) ที่ได้รับประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

🌎Thanachart Global Investment
🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://www.thanachartsec.com/Content/Open%252520Account/22/th หรือ Contact center 02-779-9000

เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global
👉 โหลดเลย https://microsite.thanachartsec.com/mobile-link/thanachart-think-plus-global