ดีลการค้ากับเวียดนามกลายเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นแรงเมื่อคืนนี้ ขณะที่ ภาพราย sector เกิดแรงซื้อกลับในหุ้นวัฏจักร รวมไปถึงหุ้นชิป

🔊เรื่องราวที่น่าสนใจ

1. ดีลการค้าเวียดนาม-สหรัฐฯ

• เดิมที เวียดนามโดนขู่จะเก็บภาษีนำเข้าที่ 46% หลังจากเจรจาทั้งสิ้น 4 ครั้ง ก็ได้ดีลดังนี้

i) สินค้าทั่วไปจากเวียดนามจะถูกเก็บภาษี 20%, สินค้าที่อาจเป็นการสวมรอยจากจีน จะถูกเก็บ 40%

ii) แลกกับ เวียดนามจะยกเลิกภาษีสินค้าสหรัฐฯ ทั้งหมด, สั่งซื้อสินค้าเกษตร มูลค่า US$3 พันล้าน, สนับสนุนโครงการรีสอร์ตหรู US$1.5 พันล้าน ของ Trump Organization ซึ่งลูกชายของทรัมป์ เพิ่งบินไปร่วมพิธีเปิดตัว

📌 จุดที่น่าสนใจก็คือ

i) เราไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ของดีลนี้ เพราะเวียดนามถือไพ่ต่อรองหลายใบ และแสดงความตั้งใจที่ชัดเจนว่าจะประนีประนอมกับสหรัฐฯ ด้วยการเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึง 4 ครั้ง

ii) อัตราภาษีสำหรับสินค้าทั่วไปจากเวียดนามที่ 20% ดังกล่าว อยู่ในระดับต่ำกว่าสินค้าทั่วไปจากจีนที่ 30% และสินค้าบางประเภทจากจีนที่ 55% สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เกิดการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ถือเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศ China+1 โดยรวม

iii) แม้ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่แรงว่าจะเล่นงานอุปสรรคการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) แต่ดีลกับเวียดนามกลับ แทบไม่แตะประเด็นนี้มากนัก หากทรัมป์ใช้แนวทางเจรจาแบบเดียวกันนี้กับยุโรปและญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มว่าดีลกับประเทศเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

• สำหรับภาพกลยุทธ์ เราแนะนำ ✅ “ทยอยซื้อ” กองทุนหุ้นเวียดนาม Principal VNEQ-A คาดดีลการค้าและโอกาสเกิดการเลื่อนชั้นเป็น EM ในเดือนก.ย. จะช่วยผลักดันให้เงินทุนต่างชาติเชื่อมั่นในการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามยิ่งขึ้น

2. สัญญาณเตือนจากตลาดแรงงาน ที่ตลาดยังชะล่าใจ

• ในเดือนมิ.ย. ภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดการจ้างงาน 33,000 ตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 99,000 ตำแหน่ง ที่สำคัญ ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค.23 ด้วย
• ภาคบริการหดตัวแรง 66,000 ตำแหน่ง แม้มีแรงบวกชั่วคราวจากการเร่งจ้างผู้อพยพในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร

🔥 ตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า บริษัทต่างๆ เริ่มลังเลในการจ้างงานใหม่และไม่รีบหาคนมาแทนตำแหน่งที่ว่าง ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรประมาท

🔥 หากกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ One Big Beautiful Bill เกิดความล่าช้า ก็จะซ้ำเติมให้เศรษฐกิจที่เริ่มเปราะบาง ดูย่ำแย่ยิ่งขึ้นไปอีก… ทั้งนี้สถานการณ์ล่าสุดคือ การลงมติในสภาผู้แทนฯ ถูกเลื่อนออกไปหลายรอบ เนื่องจากจำนวนผู้สนับสนุนยังไม่เพียงพอ (204-212)

3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากพฤติกรรมชาวจีนรุ่นใหม่ (EP.1)

ถ้าคุณรู้สึกว่า “การบริโภคของจีนกำลังซบเซา” คุณอาจกำลังมองข้ามจุดสำคัญที่สุดไป…เพราะความจริงคือ คนจีนไม่ได้หยุดใช้เงินเลย แต่พวกเขากำลัง เปลี่ยนวิธีการใช้เงินอย่างสิ้นเชิง หลังยุค Covid โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ คนทำงานรุ่นใหม่ พฤติกรรมการใช้จ่ายของจีนกำลังพลิกเกม ไม่เอาแล้ว! สินค้าทั่วไปหรือแบรนด์ที่ “ไม่มีความหมาย”… ขอจ่ายเพิ่มเพื่อ “ความสุขเฉพาะตัว” และ “การแสดงตัวตน” แทน

👉ลองดูตัวอย่างสิ่งที่พวกเขายอมควักกระเป๋า:

• ของเล่น IP สะสม ที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์ (ไม่ใช่ของเล่นธรรมดา)
• ชาไข่มุกพรีเมียม ที่ขายทั้งรสชาติและสไตล์
• เครื่องสำอางหรู ที่บ่งบอก taste
• เครื่องประดับร่วมสมัย ที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีน
  เหล่านี้ไม่ใช่ “ของฟุ่มเฟือย” แต่คือ “ความสุขเล็กๆ ในชีวิต” ที่ตอบโจทย์จิตใจคนรุ่นใหม่ได้ตรงจุด

สำหรับหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากธีมดังกล่าว
🌟 บริษัทแรก: Pop Mart (9992.HK) – ของเล่น ที่ไม่ใช่แค่ของสำหรับเด็กอีกต่อไป “บริษัทไม่ได้ขายตุ๊กตา แต่ขายความรู้สึกและความทรงจำที่จับต้องได้”

• Pop Mart คือบริษัทของเล่นสะสม IP ที่กลายเป็น “ผู้นำวัฒนธรรมการสะสม” ของคนรุ่นใหม่ในจีน และสามารถสร้าง IP ที่โด่งดังระดับเอเชีย เช่น Labubu, หนุ่มน้อยขี้อาย Dimoo (ตี๋-มู้) และ Molly ที่ลิซ่าเคยโพสต์ลง IG ทั้งนี้ บริษัทมีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ตั้งแต่ flagship stores, vending machine, อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึง แพลตฟอร์มของแฟนคลับในหลายช่องทาง

🧐 จุดเด่นที่ทำให้ Pop Mart ต่างจากคนอื่น

i) การสร้าง IP เป็นของตัวเองมากกว่า 25 ตัว และมีศิลปินในสังกัดระดับอินเตอร์ที่ออกแบบสินค้าพิเศษตามเทศกาลหรือ collaboration เช่น Pokémon, Disney, Minions… การเป็นเจ้าของ IP เอง พร้อมกับเน้นขายผ่านช่องทางตรง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทดูโดดเด่นสูงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ประมาณ 60-70%

ii) ใช้โมเดลการขายแบบ Gashapon หรือ “กล่องสุ่ม” ที่สร้างความตื่นเต้น และพฤติกรรมการสะสมต่อเนื่อง ซึ่งกระตุ้นการซื้อซ้ำสูงกว่าของเล่นทั่วไป

iii) Community ของแฟนคลับที่เหนียวแน่น จากการใช้แอปพลิเคชัน + WeChat ในการสร้างระบบสะสมแต้ม จัดอีเวนต์ แลกของพิเศษ… กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยสร้างความผูกพันธ์กับลูกค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ และช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ไปพร้อมกับสร้าง viral effect เมื่อลูกค้าแชร์ภาพสินค้าลงในโซเชียล

• บริษัทกำลังขยายไปยังหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และสหรัฐฯ โดยมีแผนเปิด 100 สาขานอกประเทศ ภายในปี 2026
• ความเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ ความนิยมใน IP มีอายุจำกัด ทำให้ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ตกกระแส, แบรนด์เลียนแบบหลายราย พยายามเจาะตลาด blind box ด้วยราคาที่ถูกกว่า

Thanachart Global Investment

🌟ก้าวสู่การเป็นเจ้าของหุ้นชั้นนำระดับโลกใน 10 ประเทศ ได้แล้ววันนี้
⛔️ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน
📱เทรดผ่านระบบซื้อขายเดียวตลอด 24 ชม.
✅ฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินไป-กลับ
🇺🇸 เป็นเจ้าของหุ้นสหรัฐเงินลงทุนเริ่มต้นหลักร้อย ผ่านการซื้อขายแบบเศษหุ้นได้ (US fractional shares)
🇺🇸 บริการยื่นภาษีสหรัฐ เพียง 1,000 บาท ใช้บริการถึงสิ้นปี 2568

🌟คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://global-investment.thanachartsec.com/

📱 โหลดเลย Think+ global app เทรดได้ง่ายๆตลอด 24 ชม
https://microsite.thanachartsec.com/mobile-link/thanachart-think-plus-global
📞สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ Contact center 02-779-9000