เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นอย่างทั่วถึง หนุนโดยท่าที Dovish ของพาวเวลในงานประชุม Jackson Hole

🔊เรื่องราวที่น่าสนใจ

1. สรุปประเด็นสำคัญของแถลงการณ์พาวเวลที่ Jackson Hole

• หุ้นขึ้นแรง เพราะก่อนหน้านี้ตลาดคาดหวังว่าพาวเวลจะไม่ฟันธงเรื่องดอกเบี้ย แต่ที่งานประชุมพาวเวลกลับเลือกที่จะ U-Turn นโยบาย ด้วยการให้มุมมองว่า

i) อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน เรื่องนี้ทำให้ความกังวลเรื่องขึ้นดอกเบี้ย ผ่อนคลายลงทันที

ii) ความเสี่ยงหลักทางเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนทิศทาง จากเงินเฟ้อ เป็นตลาดแรงงานก่อนหน้านี้ Fed เน้นควบคุมเงินเฟ้อเป็นหลัก เพราะกลัวการ “overheat” ของเศรษฐกิจแต่ภาพข้างหน้า Fed จะให้ความสำคัญกับเรื่องตลาดแรงงานมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันตลาดแรงงานกำลังเผชิญปัญหาทั้ง Demand ที่ลดลง และ Supply ที่กำลังหดตัว ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง-ไม่ได้มีผลกระทบแค่ในระยะสั้น

iii) เปลี่ยนกรอบนโยบายเงินเฟ้อ โดยจะไม่ยอมปล่อยให้ “เงินเฟ้อระยะยาว สูงกว่า 2%” อีกต่อไป

• เรายังไม่วางใจต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยังคง “Underweight” หุ้นสหรัฐฯ ต่อไป เนื่องจาก

i) การที่ Fed เปลี่ยนกรอบนโยบายเงินเฟ้อดังกล่าว ทำให้ในทางปฏิบัติแล้ว Fed ต้องให้ความสำคัญกับการคุมเงินเฟ้อมากกว่ากรอบนโยบายแบบเดิม จึงเป็นการ “เพิ่มความเสี่ยง” ว่าในงานประชุมวันที่ 17 ก.ย. Fed อาจส่งสัญญาณ แบบ “Hawkish Cut” ด้วยการให้ Dot Plot ในลักษณะที่ลดดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดหวัง

ii) เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังถูกกดดันด้วย ตลาดแรงงานที่เย็นตัวลงเร็วขึ้น และกำลังซื้อที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเสี่ยงที่ Fed อาจลดดอกเบี้ยไม่ทันการ

iii) ปัจจัยเชิงฤดูกาลของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มักจะอ่อนแอกว่าปกติไปจนถึงเดือนก.ย.

2. ทำไมหุ้นนวัตกรรมจีน KSTR ETF ปรับขึ้นแรงที่ +8.2%?

• แรงหนุนหลักมาจาก การเปิดตัวเทคโนโลยีและชิปท้องถิ่นคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาของจากต่างประเทศรวมทั้งนโยบายชุดใหม่ที่สนับสนุนการพึ่งพาตัวเองทางเทคโนโลยี (ดู Wealth Strategy 20 ส.ค.)
• นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ ซึ่งทำให้เงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น อาทิ การเก็บ VAT ตราสารหนี้, การเพิ่มความเข้มงวดเรื่องจัดเก็บภาษีคนจีนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
• ภาพระยะยาว: เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ และหุ้นนวัตกรรมจีน เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจจีนกำลังปรับไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
• ภาพระยะสั้น: เรายังคงถือหุ้นต่อในพอร์ตกลยุทธ์อีกสักระยะ เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมในการขายทำกำไร

3. ทำไมหุ้นเวียดนามปรับลงแรงที่ -2.5%

• สาเหตุคือ ความกังวลฟองสบู่แตก เพราะ โควตาในการปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ใหญ่หลายแห่ง “ใกล้เต็มแล้ว”
• ที่ผ่านมาหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดเวียดน้อมร้อนแรงผิดปกติ คือ การที่โบรกเกอร์ท้องถิ่นเข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สภาพคล่องสูง
  เพื่อทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันของลูกค้าเพิ่มขึ้น และโบรกเกอร์ก็จะสามารถปล่อยมาร์จิ้นให้ลูกค้าแต่ละราย-ได้มากขึ้น
• กลยุทธ์ดังกล่าวมีความเสี่ยง เมื่อตลาดพลิกลง ก็อาจทำให้หุ้นที่โบรกเกอร์ช่วย “ดันราคา” ร่วงแรงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่อาจจะเกิดสภาวะ Forced Sell ทั้งตลาด และอาจทำให้โบรกเกอร์ขาดทุนไปด้วย
• เมื่อกลต.เวียดนามเริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มการปั่นหุ้น ก็ทำให้ตลาดเริ่มกังวลต่อเรื่องดังกล่าว… ขณะที่ เรายังคงแนะนำ “หลีกเลี่ยง” หุ้นเวียดนาม หลังจากที่ได้ขายทำกำไรออกไปแล้วก่อนหน้านี้

4. สัปดาห์นี้รอดูอะไรดี?

อ. คำสั่งซื้อสินค้าคงทน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB) ของสหรัฐฯ
พ. กำไรภาคอุตสาหกรรมจีน, งบ NVIDIA (หลังตลาดปิด)
ศ. PCE สหรัฐฯ

Thanachart Global Investment

🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://bit.ly/3Q679OY หรือ Contact center 02-779-9000

เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global
👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2