Global investment Mutual Funds 14 Oct 2025, 09:25

🌎 Global Update 🔥สหรัฐ-จีน จะเปิดศึกการค้าจริง หรือแค่เกมขู่? 🤔 การเมืองญี่ปุ่นอยู่บนทางแยก หุ้นจะไปทางไหน?


ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวแรงอย่างทั่วถึง หลังทรัมป์ผ่อนคลายท่าทีต่อจีน

🔊เหตุการณ์สำคัญ

1. ทำไมหุ้นโลกผันผวนแรง ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา?

    • ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จีน-สหรัฐ ตอบโต้กันรุนแรง และทำให้ตลาดกังวลว่า อาจเกิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบ i) จีนซัลโวมาตรการต่อสหรัฐ อาทิ สอบสวนบริษัท Qualcomm เรื่องดีลเข้าซื้อกิจการ Autotalks โดยอ้างว่าอาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด, เรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่ม สำหรับเรือที่เป็นของบริษัทและบุคคลสัญชาติอเมริกัน, คุมเข้มการส่งออกแร่ rare earths, หยุดซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพื่อกดดันฐานเสียงทรัมป์

    ii) ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 100% และใช้มาตรการควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ “ทุกชนิดที่ถือว่าสำคัญ” เริ่ม 1 พ.ย. หรือเร็วกว่านั้น หากจีนยังตอบโต้ต่อเนื่อง

    iii) วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ

    FIGHT China Act of 2025 ให้อำนาจหน่วยงานรัฐบล็อกธุรกรรมที่มีความเสี่ยงว่า จะทำให้เงินทุนและความเชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ ไหลไปสนับสนุนโครงการทหารขั้นสูงของจีน เช่น ชิป AI, ควอนตัม, อาวุธไฮเปอร์โซนิก, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    Bio-Secure Act ห้ามรัฐบาลกลางทำสัญญาหรือให้เงินทุนกับบริษัท biotech ของจีนที่เชื่อมโยงกับกองทัพ

    • อย่างไรก็ดี หลังจากเรื่องวุ่นวายข้างต้นผ่านไปแล้ว ก็เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก อาทิ

    i) จีนแถลงข่าวชี้ว่า มาตรการที่เพิ่งประกาศไป มีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการยกระดับความขัดแย้ง และไม่ได้ต้องการห้ามส่งออก rare earths ไปยังสหรัฐ

    ii) ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ยกเลิกการเจรจาทรัมป์-สีจิ้นผิง ใน APEC Summit, ทรัมป์โพสต์ในโทนบวกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องจีน สหรัฐฯไม่ต้องการให้จีนเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่, Bessent ยืนยันว่า ยังไม่จำเป็นต้องตั้งกำแพงภาษี 100% ต่อจีน

    📌 มุมมองของเรา

    i) ทรัมป์ไม่ใช่คนที่ชอบวางยุทธศาสตร์ระยะยาว สนใจเพียงชัยชนะที่จับต้องได้ ไม่ใช่การปะทะยืดเยื้อกับจีน
    ดังนั้น การยกระดับความขัดแย้งในคืนวันศุกร์ อาจไม่ได้มาจากทรัมป์โดยตรง แต่อาจมาผลักดันจากนักวิชาการสายเหยี่ยวต่อต้านจีน โดยที่ทรัมป์ไม่ได้สนใจรายละเอียด
    👉 ภาพข้างหน้าสิ่งที่ควรจับตาที่สุดคือ การเจรจาทรัมป์-สีจิ้นผิง ใน APEC Summit

    ii) เรายังคงเน้นลงทุนอย่างระมัดระวังตามเดิม เนื่องจาก ปัจจุบัน S&P500 มี FWD P/E ที่ “ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในช่วง Dot-Com” และภาพเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้น

    2. สรุปผล Amazon Prime Day ต.ค. 25

      • ผลตอบรับ “ไม่แรง” กว่าที่ Amazon คาดหวัง โดย ออเดอร์เฉลี่ยเล็กลง, ผู้บริโภคเน้นเลือกซื้อของใช้จำเป็น มากกว่าสินค้าราคาแพง, ความพอใจลดลง, ลูกค้าซื้อซ้ำน้อยลง, การซื้อของขวัญล่วงหน้าสำหรับ Holiday Season น้อยลง
        👉 ตัวเลขดังกล่าวเป็นสัญญาณเตือนถึงการบริโภคที่เป็นหัวใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ

      i) Average Order Value (AOV): ลดลง ~15% → จาก $53.54 (ก.ค.) เหลือ $45.42 (ต.ค.), ขนาดออเดอร์เล็ก (<$20): เพิ่มขึ้นจาก 37% (ก.ค.) → 44% (ต.ค.)

      ii) เพียง 61% ของผู้ที่เคยช้อปใน Prime Day ก.ค. กลับมาซื้ออีกใน ต.ค. (ก.ค. มี 88%)

      iii) ความพอใจต่อดีล: ลดจาก 66% (ก.ค.) → 58% (ต.ค.)

      3. เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองญี่ปุ่น?

        • ก่อนหน้านี้ พรรค LDP (พรรครัฐบาลหลัก) ได้เลือก Sanae Takaichi เป็นผู้นำพรรค ทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า เธอจะได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
        • แต่มีอุปสรรคทางการเมือง: พรรค Komeito ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ LDP ได้ประกาศถอนตัวจากรัฐบาลพันธมิตรกับ LDP ด้วยเหตุผลเรื่องทุจริตและไม่จริงใจ
        • สิ่งที่ตามมา คือ

        i) ความหวังของตลาดว่า นายกคนใหม่จะเดินตามแนวทาง Abenomics “ถูกสั่นคลอนลง”
        👉 รัฐบาลใหม่อาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้ง สนับสนุนนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ได้อย่างที่ตลาดหวัง

        ii) สภาเลื่อนวันลงคะแนนยืนยันนายกฯ ย้ายจาก 15 เป็น 20 ต.ค.

        • นายกฯจะถูกเลือกโดยสภาแห่งชาติ (National Diet) โดยทั้ง สภาล่าง (Shūgiin) 465 เสียง และสภาบน (Sangiin) จะลงมติเสนอชื่อ ถ้าทั้งสองสภามีผลโหวตคนละชื่อ → จะจัดการประชุมร่วมเพื่อพยายามหาชื่อที่ตรงกัน → ถ้ายังไม่สามารถตกลงกันได้ จะใช้ผลโหวตของสภาล่างเป็นหลัก
        • Scenario การจัดตั้งรัฐบาล มี 7 อย่าง

        i) รัฐบาลเสียงข้างน้อยของ LDP (196)
        โอกาส: สูงที่สุด (เป็นทางออกเฉพาะหน้าเพื่อโหวตนายกฯ ให้ผ่าน, ใช้เวลาหาพันธมิตรเพิ่ม)
        นโยบาย: ต้องต่อรองเป็นรายประเด็น เช่น งบประมาณปีหน้า มาตรการครัวเรือน → ออกนโยบายช้า และไม่สามารถผลักดันแผนใหญ่ได้
        ผลต่อตลาดหุ้น: จะผันผวนและแย่กว่าสูตร LDP+Komeito เดิม เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจในเสถียรภาพและทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ

        ii) LDP (196) + DPFP (27) + Yūshi (7) + อิสระ (3) = 233
        โอกาส: ค่อนข้างสูง (DPFP เป็นพรรคกลาง, ยืดหยุ่น, ขัดแย้งไม่รุนแรง)
        นโยบาย: เน้นบรรเทาค่าครองชีพเป้าแคบ เช่น ภาษีน้ำมัน, หักลดหย่อน, เพิ่มผลิตภาพแรงงานและการจ้างงานคุณภาพ → ตลาดมองว่าเป็นการช่วย “รายได้ใช้จ่ายจริง” ของครัวเรือน
        ผลต่อตลาดหุ้น: ดีกว่าสูตร LDP+Komeito เดิมเล็กน้อย เพราะช่วยกระตุ้นการบริโภคตรง แต่ไม่สร้างความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะมากเกินไป

        iii) LDP (196) + DPFP (27) + Komeito (24) = 247
        โอกาส: ปานกลาง-สูง (ตัวเลขมั่นคง, สองพรรคพันธมิตรกลางช่วยเสริมกัน)
        นโยบาย: รวม “มาตรการค่าครองชีพ” (DPP) + “สวัสดิการครอบครัวและเด็ก” (Komeito) → เป็นนโยบายที่ครอบคลุมทั้งกำลังซื้อปัจจุบันและความมั่นคงครัวเรือนในอนาคต
        ผลต่อตลาดหุ้น: ดีกว่าสูตร LDP+Komeito เดิมอย่างชัดเจน ตลาดเชื่อว่ามีทั้งเสถียรภาพทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นครัวเรือนครบถ้วน

        iv) LDP (196) + Ishin (35) + อิสระ (3) = 234
        โอกาส: ปานกลาง (เข้ากันได้ด้านปฏิรูป แต่ Ishin เข้มงวดการคลัง อาจทำให้ขัดกับ LDP ที่ชอบใช้งบกระตุ้น)
        นโยบาย: ลดการใช้จ่ายประชานิยม, เร่งปฏิรูปกฎระเบียบ, เขตเศรษฐกิจพิเศษ, เน้นกลาโหมและอุตสาหกรรม → ตลาดมองว่าเป็นการปรับโครงสร้างระยะยาว แต่ไม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อทันที
        ผลต่อตลาดหุ้น: ใกล้เคียงสูตร LDP+Komeito แต่โดยรวม แย่กว่าบ้างในระยะสั้น เพราะนโยบายเข้มงวดการคลัง ลดแรงหนุนตลาด

        v) LDP (196) + Ishin (35) + Komeito (24) = 255
        โอกาส: ปานกลาง-ต่ำ (แม้ตัวเลขเสถียรมาก แต่ยากจะหาจุดประนีประนอม เพราะ Ishin เน้นวินัยการคลัง ส่วน Komeito เน้นสวัสดิการ)
        นโยบาย: ผสมระหว่าง “ปฏิรูปโครงสร้าง” กับ “สวัสดิการครอบครัว” แต่ขัดกันในเชิงงบประมาณ → เสี่ยงนโยบายไม่ต่อเนื่อง
        ผลต่อตลาดหุ้น: โดยรวม ใกล้เคียง LDP+Komeito เดิม อาจดีกว่าในแง่เสถียรภาพ แต่ไม่ทำให้ตลาดมองบวกเพิ่มมาก เพราะโทนนโยบายไม่ชัดเจน

        vi) LDP (196) + Komeito (24) + Yūshi (7) + Sanseito (3) + อิสระ (3) = 233
        โอกาส: ต่ำ (เพิ่งแตกหักกับ Komeito, ต้องยอมปฏิรูปมากกว่าที่ LDP ต้องการ)
        นโยบาย: เน้นคืนดีพันธมิตร, เสริมสวัสดิการครอบครัว, เดินนโยบายแบบเดิมแต่แรงขับไม่เท่าเดิม
        ผลต่อตลาดหุ้น: ใกล้เคียงสูตร LDP+Komeito เดิม ไม่ได้สร้างความมั่นใจใหม่ให้ตลาดมากนัก

        vii) ฝ่ายค้านรวมตัว (CDP 148 + Komeito 24 + DPFP 27 + พรรคเล็ก)
        โอกาส: ต่ำมาก (อุดมการณ์แตกต่าง โดยเฉพาะเรื่องกลาโหมและพลังงาน)
        นโยบาย: เน้นสวัสดิการและลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน, ชะลอการลงทุนกลาโหม-นิวเคลียร์ → ตลาดมองว่านโยบายระยะยาวไม่ชัด
        ผลต่อตลาดหุ้น: แย่กว่าสูตร LDP+Komeito เดิม เพราะสร้างความไม่แน่นอนทางการเมือง และตลาดกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจมหภาค

        4. สัปดาห์นี้จับตาการประกาศผลดำเนินงานของบริษัทสหรัฐ
        👉 ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงทิศทางของตลาดหุ้นในช่วงหลังจากนี้

          🌎Thanachart Global Investment
          🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

          เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

          📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://cutt.ly/orJYNSv3 หรือ Contact center 02-779-9000

          เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global
          👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2