เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐดูอ่อนแรงในช่วงท้ายของตลาด จากความกังวลปัญหางบประมาณที่ไม่ลงตัว และ debt ceiling ที่อาจกลับมามีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ม.ค. 2025 ซึ่งจะทำให้สถานที่ราชการต่างๆ มีโอกาสถูกปิดตัวลงชั่วคราว พวกที่นำการปรับลง คือ หุ้นชิปโดยรวมที่ถูกกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Micron (MU), หุ้นเก็งกำไรในธีมควอนตัม, และกลุ่มอสังหาที่ถูกกดดันจากท่าทีของ FED

🔊เหตุการณ์น่าสนใจ

1. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

1.1 GDP 3Q24

– เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3.1% ต่อปี สูงกว่าการประมาณการครั้งที่สองที่ 2.8% และถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในปีนี้

– แม้ตัวเลขจะออกมาแข็งแกร่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดนัก เนื่องจากการรายงาน GDP ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดได้ price in เรื่องเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งไปมากแล้ว

1.2 ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ (LEI) ของ The Conference Board

– เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพฤศจิกายน 2024 มาอยู่ที่ 99.7 (ปี 2016 = 100) ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ปรับลง -0.4% และถือเป็นครั้งแรกที่ส่งสัญญาณเชิงบวกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022

– การฟื้นตัวนี้ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่ การอนุญาตก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น, ตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นแข็งแกร่ง, ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยในภาคการผลิตที่ดีขึ้น, จำนวนการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลง

– การเพิ่มขึ้นของ LEI ดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตของสหรัฐฯ ทั้งนี้ The Conference Board คาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.7% ในปี 2024 ก่อนที่จะชะลอตัวลงเป็น 2.0% ในปี 2025

1.3 Philadelphia Fed Manufacturing Index หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิต ที่จะเปิดเผยก่อน PMI

– Philly Fed ประจำเดือนธันวาคมออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยลดลงมาอยู่ที่ -16.4 จาก -5.5 ในเดือนพฤศจิกายนส่วนประกอบย่อยส่วนใหญ่ลดลง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) และการจัดส่ง (Shipments) ซึ่งทั้งคู่เข้าสู่ภาวะหดตัว

– ตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอลงไปกว่าเดิม

2. ข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

– ผลการประชุม BOJ ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องติดตามแนวโน้มค่าจ้าง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลก และนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง

– Core CPI เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และนับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 3 เดือน

นอกจากนี้ อัตราดังกล่าวยังสูงกว่า 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ BOJ อย่างมาก ดังนั้นแล้วในอนาคต BOJ ก็ต้องจำใจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไมได้

– คาดว่า BOJ จะแสดงท่าทีที่ชัดเจนขึ้น ในช่วงการเจรจาค่าจ้างแรงงาน Shunto เดือนมีนาคม – เมษายน 2025

🎯กองทุนแนะนำ🎯

ใกล้ปลายปีแล้ว…เข้าสู่ช่วงเวลา ✅ “ซื้อ” กองทุนลดหย่อนภาษีประจำปี  โดยเราได้คัดสรรกองทุนคุณภาพมาให้แล้ว ดังนี้

1) ตราสารหนี้ไทย>>KFIRMF: ลงทุนตราสารหนี้คุณภาพในประเทศ ซึ่งมีความมั่นคงสูงและเป็นตัวช่วยจำกัดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยรวม

2) ตราสารหนี้โลก>>UGISRMF, UGIS-SSF: แสวงหาโอกาสในตราสารหนี้คุณภาพทั่วโลก ผ่านทีมงานระดับโลกที่มุ่งปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์

3) หุ้นไทย>>K-TNZ-THAIESG: เป็น Passive Fund อิงกับดัชนี SET100 และมีค่าธรรมเนียมรายปีต่ำเพียง 0.5% ต่อปี, ES-SETESG-THAIESG-A: เป็น Passive Fund อิงกับดัชนี SETESG ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นยั่งยืนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดทำขึ้น

4) หุ้นกลุ่มสุขภาพ>>ES-HEALTHCARERMF: กองทุนหลักลงทุนในธุรกิจสุขภาพซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้คนทุกเพศวัย นำไปสู่ผลประกอบการที่มีความสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

5) หุ้นโลก Defensive>>KFGBRANRMF, KFGBRANSSF: คัดเฉพาะบริษัทที่เป็นเจ้าของ  Brand อุปโภค-บริโภค ที่แข็งแกร่งระดับโลก

6) หุ้นโลกโดยรวม>>KGSELECTRMF: ลงทนหุ้นคุณภาพทั่วโลกที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต

#อ่านรายละเอียดเชิงลึกของกองทุนเพิ่มเติมได้ใน Think+ Application>> Wealth Strategy 18 ธ.ค. 24

Thanachart Global Investment

🌟ก้าวสู่การเป็นเจ้าของหุ้นชั้นนำระดับโลกใน 10 ประเทศ ได้แล้ววันนี้

⛔️ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน

📱เทรดผ่านระบบซื้อขายเดียวตลอด 24 ชม.

✅ฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินไป-กลับ

🇺🇸 เป็นเจ้าของหุ้นสหรัฐเงินลงทุนเริ่มต้นหลักร้อย ผ่านการซื้อขายแบบเศษหุ้นได้ (US fractional shares)

🇺🇸บริการยื่นภาษีสหรัฐ เพียง 1,000 บาท ใช้บริการถึงสิ้นปี 2568

🌟คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://global-investment.thanachartsec.com/

📱 โหลดเลย Think+ global app เทรดได้ง่ายๆตลอด 24 ชม

📞สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ Contact center 02-779-9000