1. กลุ่มอสังหาฯ ได้รับผลกระทบมากที่สุด (-)
- โดยเฉพาะกลุ่มคอนโด ซึ่ง โครงการที่มีสัดส่วนคอนโดมากที่สุด ได้แก่ ASW (90%), ANAN (87%), LPN (81%), ORI (71%) และ NOBLE (66%) ส่วนในแง่สต็อกคอนโดมิเนียม ORI มีสต็อกสูงสุด 4.1 หมื่นล้าน รองลงมาคือ SPALI, ANAN, SIRI และ NOBLE สำหรับกลุ่มที่มีสัดส่วนคอนโดน้อย รายได้ส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบ ได้แก่ LH, QH, SC
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่รายงานกลุ่มอสังหาฯ วันนี้
2. กลุ่มโรงแรม (-)
- โครงสร้างโรงแรมไม่มีความเสียหายรุนแรง แต่ CENTEL, ERW เริ่มเห็นการยกเลิกการจองห้องพัก ส่วน MINT ยังไม่พบการยกเลิกการจอง
3. กลุ่มสนามบินและสายการบิน (-)
- AOT สนามบินไม่มีความเสียหาย และสายการบิน AAV, BA กลับมาให้บริการปกติ แต่เรามีความกังวลเกี่ยวกับภาพการท่องเที่ยวไทยระยะสั้นถึงกลาง
4. กลุ่มธนาคาร (-)
- ผลกระทบไม่มาก แต่มีความกังวลด้านคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อที่เกี่ยวกับอสังหาฯ ,สินเชื่อของ ITD , โครงการผ่อนผันหนี้, ความต้องการสินเชื่ออสังหาฯลดลง
5. กลุ่ม Finance (-)
- BAM ผลกระทบน้อย จาก NPA กลุ่มคอนโดและความล่าช้าในการขาย NPA
- JMT อาจได้รับผลกระทบต่อการเรียกเก็บหนี้จากลูกค้า
- KTC อาจเจอความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการชำระเงินล่าช้า หรือผิดนัดชำระหนี้
- MTC, SAWAD, SAK, TIDLOR คาดว่าไม่ได้รับผลกระทบ
6. กลุ่มอาหาร (-)
- CBG โรงงานในเมียนไม่ได้รับความเสียหาย และการส่งออกไปยังเมียนมาคิดเป็นเพียง 6% ของยอดขายทั้งหมด
- OSP ไม่มีความเสียหายต่อโรงงาน แต่มีความเสี่ยงด้านการบริโภคในเมียนมาที่ชะลอตัว โดยรายได้จากเมียนมาคิดเป็น 17%
- MEGA มีรายได้จากเมียนมาคิดเป็น 25% แต่คาดว่าผลกระทบจำกัด เนื่องจากยาและสินค้าอุปโภคบริโภคของ MEGA เป็นสินค้าที่จำเป็น
7. กลุ่มรับเหมาฯ (0)
- CK, STECON ยืนยันโครงการหลักไม่ได้รับความเสียหายหนัก
- ITD เป็นรายเดียวที่คาดว่าจะได้ผลกระทบเชิงลบ จากการเป็นผู้รับเหมาหลักของอาคารสตง. ที่ถล่ม และมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอยู่แล้วก่อนเกิดแผ่นดินไหว
8. กลุ่มค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (+)
- มอง HMPRO ได้ประโยชน์มากสุดเนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าคอนโดและยอดขายส่วนใหญ่อยู่ในกทม. คิดเป็น 40% ของยอดขาย)
9. กลุ่มนายหน้าประกันภัย (+)
- คาดความต้องการประกันที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ซึ่ง TQM เป็นผู้นำตลาด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ รายงาน Siam Senses และ Pathumwan Corner วันนี้
