IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้อยู่ที่ 2.8% (เดิม 3.3%) และปีหน้าเหลือ 3% (เดิม 3.3%) สะท้อนผลกระทบของ tariff และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่สูงขึ้น กระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเงินเฟ้อที่ลดลงในอัตราที่ช้ากว่าที่เคยคาดไว้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ

สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ IMF มีการปรับโอกาสที่จะเกิด recession ในปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 37% ท่ามกลางการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลง ส่วนยุโรปเศรษฐกิจอยู่ในรอบของการฟื้นตัว แต่ด้วย consumer sentiment ที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ทำให้กดดันการเติบโตของการบริโภค ด้านจีน ภาคอสังหายังเป็นปัจจัยกดดัน ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจทำให้เศรษฐกิจจีนเกิดภาวะเงินฝืด

โดย IMF มีการปรับ GDP โลกและรายประเทศหลัก ดังนี้

• GDP โลก ปีนี้โต 2.8% (เดิม 3.3%) ปี 2026 โต 3% (เดิม 3.3%))
• GDP สหรัฐฯ ปีนี้โต 1.8% (เดิม 2.7%) ปี 2026 โต 1.7% (เดิม 2.1%)
• GDP ยูโรโซน ปีนี้โต 0.8% (เดิม 1%) ปี 2026 โต 1.2% (เดิม 1.4%)
• GDP จีน ปีนี้โต 4% (เดิม 4.6%) ปี 2026 โต 4% (เดิม 4.5%)
• GDP ไทย ปีนี้โต 1.8% (เดิม 2.9%) ปี 2026 โต 1.6% (เดิม 2.6%)

แม้เศรษฐกิจไทยถูกปรับ GDP ลงทั้งในปีนี้และปีหน้า แต่เรามองว่ายังมีโอกาสที่สามารถ “Selective” หุ้นกลุ่ม Defensive-Domestic-Declining Rate ที่ได้รับผลกระทบจาก tariff จำกัดได้ ชอบ CPALL CPN SABINA GULF CKP GPSC EGCO ADVANC 3BBIF DIF BH BDMS