Uncategorized 22 Sept 2025, 04:25

Global Update เจาะลึก 3 เรื่องใหญ่สะเทือนโลก เจรจาทรัมป์-สีจิ้นผิง, วีซ่า H-1B เขย่าหุ้นเทค, BOJ เตรียมโละ ETF ที่เคยซื้อไว้ 👇


วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในเชิงบวก แต่เป็นการปรับขึ้นที่ค่อนข้าง “เปราะบาง” เพราะแรงซื้อจริง ๆ เกิดขึ้นเพียงแค่หุ้นประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดเท่านั้น บ่งชี้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ยังไม่ได้ขึ้นตามดัชนีไปด้วย ที่สำคัญคือหุ้นเล็กและหุ้นวัฏจักรยังอ่อนแอเหมือนเดิม สะท้อนว่าตลาดยังคงกังวลต่อภาพเศรษฐกิจ… การลงทุนในช่วงนี้จึงควรมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่มีศักยภาพเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในวัฏจักรใด โดยสามารถเลือกลงทุนผ่าน ✅ กองทุน UGD ซึ่งเน้นคัดสรรบริษัทคุณภาพสูงที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและโมเดลธุรกิจยั่งยืน

🔊เหตุการณ์สำคัญ

1. สรุปผลเจรจาทรัมป์-สีจิ้นผิง ในคืนวันศุกร์

– Tiktok deal คืบหน้า โดย มีกรอบข้อตกลงว่าธุรกิจที่สหรัฐฯ ByteDance จะเหลือสัดส่วนหุ้นไม่เกิน 20%, ชาวอเมริกันจะได้ที่นั่งในบอร์ด 6 ใน 7 ที่นั่ง, จะเลื่อนเส้นตายขายกิจการเป็น 16 ธ.ค.

– สำหรับเรื่องการค้า ทั้งสองฝ่ายแสดงท่าทีต้องการ “บรรเทา” ความขัดแย้งในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้าและเทคโนโลยี, ทรัมป์ย้ำว่าการคุยกับจีนกำลังคืบหน้า, ทั้งสองตกลงที่จะเจอหน้ากัน (face-to-face) ในงาน APEC ที่เกาหลีใต้ในเดือนหน้า

– สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้

i) ท่าทีของทั้งสองฝ่ายในงาน APEC Summit ที่เกาหลีใต้ ปลายต.ค.

ii) เรื่องดีล Tiktok หลังจากนี้รัฐสภาสหรัฐ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยอาจขอปรับแก้หรือใส่เงื่อนไขเพิ่มเติมก่อนอนุมัติ

ขณะที่ มีความเสี่ยงการเจรจาอาจล่าช้า เนื่องจาก “สิทธิ์ใน algorithm” และ “การกำกับดูแล” เป็นประเด็นที่ sensitive ต่อความมั่นคงของจีน

2. ทรัมป์ประกาศเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B สำหรับแรงงานที่มีทักษะสูง US$100,000 ที่ต้องการเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ

– มาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่ 21 ก.ย. สร้างแรงกดดันต่อบริษัทเทคที่พึ่งพาวีซ่า H-1B เป็นจำนวนมาก อย่าง Amazon ~10,044 คน, Microsoft ~5,189 คน, Meta ~5,123 คน, Apple ~4,202 คน, Google ~4,181 คน และพวกสตาร์ทอัพบางส่วน

– ผลกระทบเบื้องต้นจำกัด เนื่องจาก เป็นค่าธรรมเนียมแบบ one-time fee ต่อการยื่นหนึ่งครั้ง (ไม่ใช่ปีละครั้งแบบที่ตลาดเข้าใจผิด), ไม่มีผลกับผู้ถือ H-1B เดิม หรือ ผู้ที่ต่ออายุและไม่ได้ครอบคลุมถึงวีซ่าทำงานประเภทอื่น, อีกทั้งบริษัทสามารถเลี่ยงค่าธรรมเนียมด้วยการให้ แรงงานทำงานจาก “ประเทศบ้านเกิด” แบบ work from home หรือ ให้ย้ายไปทำงานยังศูนย์ที่นอกสหรัฐแทน

3. สรุปผลประชุม BOJ

– คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% แต่เกิด “เสียงแตกเชิง Hawkish” เพราะกรรมการ 2 คนเสนอให้ขึ้นดอกเบี้ยทันที 0.25% ไปที่ 0.75% ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก แสดงถึงแรงกดดันภายในที่ต้องการให้คุมเข้มเรื่องเงินเฟ้อ

– ประกาศแผนเชิงโครงสร้างที่สำคัญ คือ เตรียมจะค่อยๆทยอยขาย ETF และ J-REITs มูลค่าประมาณ 0.62 ล้านล้านเยนต่อปี (จากทั้งหมด 74.5) สะท้อนว่าญี่ปุ่นกำลัง “เดินถอยออก” จากนโยบายดอกเบี้ยต่ำและ QE ที่ยาวนาน

📌 มุมมองของเรา

i) ในช่วงแรกตลาดหุ้นน่าจะได้ผลจากการขาย ETF จำกัด เนื่องจาก ความเร็วในการขายสำหรับช่วงแรกถือว่า “ช้ามาก” และก็น่าจะใช้โมเดล “ขายระยะยาวเป็นสิบปี” เหมือนกับการขายหุ้นจากธนาคารในอดีต อีกทั้ง BOJ ก็เลือกขาย ETF ในช่วงที่หุ้นใกล้จุดสูงสุด และเศรษฐกิจยังแข็งแรงดีอยู่

ii) สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องการขาย ETF ก็คือ ท่าที hawkish แบบ Surprise ตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ย-สวนทางโลก กดดันหุ้นญี่ปุ่นในภาพยาว

iii) ภาพสั้นหุ้นญี่ปุ่นยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ควรจับตาดูการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ในวันที่ 4 ต.ค.ก่อนตัดสินใจลงทุน

4. เหตุการณ์ที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้

อ. Flash PMI ของประเทศหลัก, พาวเวลขึ้นพูด

พ. Flash PMI ญี่ปุ่น

พฤ. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ

ศ. PCE สหรัฐ

#Thanachart Global Investment

🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://cutt.ly/orJYNSv3 หรือ Contact center 02-779-9000

เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global

👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2