คืนวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มเห็นสัญญาณ Rotation เงินทุนไหลออกจากหุ้น Big Tech ที่นำตลาดมานาน และเคลื่อนเข้าสู่หุ้นกลุ่มที่ยัง laggard โดยเฉพาะกลุ่ม Healthcare และหุ้นปันผลสูง

🔥เรามองว่า กระแส Rotation มีแนวโน้มดำเนินต่อไป เนื่องจากปัจจุบัน Big Tech หลายบริษัทมี Valuation ในระดับสูงแล้ว… ขณะที่ พอร์ตกลยุทธ์ของเรายังคงเน้นหุ้นที่ทนทานต่อวัฏจักรเศรษฐกิจและมี Valuation น่าสนใจผ่านกองทุน ✅ES-HEALTHCARE, UGD, KFCYBER-A

🔊เหตุการณ์สำคัญ

1. เจาะลึก ISM PMI ภาคบริการสหรัฐ ก.ย.

– สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ ภาคบริการคือชีพจรของเศรษฐกิจ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4 ใน 5 ของ GDP สหรัฐ

– ตัวเลขในรอบนี้ถือเป็น “สัญญาณเตือนเศรษฐกิจ” ที่ห้ามพลาด โดย headline ลดลงจาก 52 เหลือ 50 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 51.7 และถือเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ตัวเลข headline ถูกพยุงไว้ด้วยดัชนีย่อยด้าน Supplier Deliveries หากตัดปัจจัยนี้ออก ดัชนีถือว่าหลุดเข้าสู่เขตหดตัว (<50) แล้ว

– เมื่อเจาะรายละเอียดสำคัญต่างๆ พบความอ่อนแออย่างทั่วถึง

• กิจกรรมทางธุรกิจ: ร่วงลงแรงสู่ 49.9 จาก 55 → บ่งชี้ว่าการใช้บริการในหลายอุตสาหกรรมชะลอเกือบหยุดนิ่ง
• คำสั่งซื้อใหม่: ลดลงเหลือ 50.4 จาก 56 → อุปสงค์ใหม่ชะลอลงชัดเจน
• สินค้าคงคลัง: พลิกกลับสู่การหดตัวที่ 47.8 จาก 53.2 → บริษัทต่างๆ เริ่มลดสต็อกเพื่อรับมือความไม่แน่นอน
• การจ้างงาน: แม้ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 47.2 จาก 46.5 แต่ยังอยู่ในโซนหดตัว → สะท้อนทั้งการเลื่อนแผนจ้างงานและปัญหาขาดแคลนแรงงานคุณภาพ
• การส่งมอบ (Supplier Deliveries): ขยับขึ้นที่ 52.6 จาก 50.3 → มาในช่วงที่บริบทโดยรวมของเศรษฐกิจชะลอลง แปลว่า ความล่าช้าของการจัดส่ง ไม่ได้มาจากความต้องการพุ่งสูงขึ้น แต่เกิดจากซัพพลายเชนติดขัด เช่น ปัญหาการขนส่ง หรือ ปัญหาเรื่องการจัดหาวัตถุดิบ
• ราคา: พุ่งขึ้นที่ 69.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอันดับสองตั้งแต่ ต.ค. 2022 → ตอกย้ำว่าแรงกดดันเงินเฟ้อฝั่งบริการยังเหนียวแน่น

– ภาพรวมข้อมูลล่าสุด สอดคล้องกับรายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ที่เพิ่งประกาศออกมา ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว แนะนำเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตด้วย ✅ กองทุนตราสารหนี้ อย่าง K-GDBOND-A(A) และ ONE-FFI

2. ผลเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ดันหุ้นญี่ปุ่นพุ่งแรงเช้านี้

– พรรครัฐบาลของญี่ปุ่น LDP ประกาศผลเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยผู้ชนะคือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) ถือเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นได้ผู้นำหญิง

– เบื้องหลังความสำเร็จของคุณซานาเอะ ทาคาอิจิ คือ การสนับสนุนจากทาโร อาโซะ อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรีคลังผู้ทรงอิทธิพลที่ทำงานให้กับชินโซ อาเบะ มาอย่างยาวนาน

– ภาพระยะสั้นเป็นบวกกับหุ้นญี่ปุ่น เพราะนักลงทุนจะมองเห็น “ความต่อเนื่องทางนโยบายเศรษฐกิจ” แบบสายอาเบะโนมิกส์ ซึ่งมักหนุนการใช้จ่ายทางการคลังและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

– แต่ในระยะกลาง-ยาว ต้องจับตาความเสี่ยง 2 เรื่อง:

i) ความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะ หากใช้นโยบายกระตุ้นการคลังรุนแรง

ii) ความสัมพันธ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะจีน-เกาหลีใต้ ที่อาจกระทบการค้าและการลงทุน เนื่องจาก เธอมีจุดยืนการเมืองแบบชาตินิยม-อนุรักษ์นิยมสุดขั้ว

– สำหรับภาพกลยุทธ์ เราเน้นรอจังหวะซื้อเมื่อหุ้นญี่ปุ่นปรับฐาน เนื่องจาก ตลาดได้ price in ความคาดหวังเรื่องดอกเบี้ยต่ำและนโยบายการคลังไปบ้างแล้ว… ขณะที่ ในระยะถัดไป ความเสี่ยงหลักคือเงินเฟ้อในญี่ปุ่นที่ยังอยู่ระดับสูง ซึ่งหากมาตรการกระตุ้นการคลังเดินหน้ารุนแรง อาจยิ่งซ้ำเติมเงินเฟ้อ และกดดันให้ BOJ ต้องขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับธนาคารกลางหลักอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ค่าเงินเยนมีโอกาสแข็งค่า และสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น

#Thanachart Global Investment

🌟 เพิ่มโอกาสในการลงทุนหุ้นนอกให้คุณง่ายกว่าเดิมกับ Thanachart Global Investment

เปิดบัญชีฟรี | ลงทุนไม่มีขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมสุดพิเศษ | ฟรีโอนถึงสิ้นปี | ลงทุนได้ถึง 10 ประเทศ | เทรดหุ้นสหรัฐ 24 ชั่วโมง

📞เปิดบัญชีเลย คลิก https://cutt.ly/orJYNSv3 หรือ Contact center 02-779-9000

เทรดหุ้นนอกง่าย ตลอด 24 ชม. ด้วยแอป Think+ Global

👉 โหลดเลย https://onelink.to/p6g8w2