ผลการนับคะแนนล่าสุด Trump ยังเป็นฝ่ายนำ Harris ด้วยคะแนน 177:99  อย่างไรก็ดียังต้องติดตามต่อไป

โดยเราวิเคราะห์เป็น 2 กรณีต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกและกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลการเลือกตั้งครั้งนี้

1. กรณี Donald Trump ชนะ :

คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นได้เด่นกว่าจาความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาษี โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กรวมถึง Cryptocurrency, Dollar แข็งค่า สงครามการค้ามีความรุนแรงมากขึ้น จากนโยบายกีดกันการค้า ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี และนโยบาย American First ซึ่งมีโอกาสทำให้เงินเฟ้อเร่งตัว และ Fed อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้

หาก Trump ชนะ แนะนำ “เก็งกำไร”

• กลุ่มนิคมฯ: AMATA WHA PIN ROJNA
• กลุ่มธนาคาร (Bond yield เร่งตัว) : BBL SCB KTB
• กลุ่มส่งออก (บาทอ่อน) : DELTA (กระจายความเสี่ยงฐานการผลิต) ITC CPF
• กลุ่มเดินเรือ: RCL PSL

2. กรณี Kamala Harris ชนะ :

มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นเช่นเดียวกันแต่อาจจะน้อยกว่า เนื่องจากมีนโยบายขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูงและบริษัทขนาดใหญ่ ขณะที่สงครามการค้าน่าจะรุนแรงน้อยกว่า เงินเฟ้อทรงตัว และ Fed Dovish ต่อ Bond yield และ Dollar อ่อนตัว หาก Harris ชนะ แนะนำ “เก็งกำไร”

• กลุ่มนิคมฯ: AMATA WHA PIN ROJNA
• กลุ่ม Sensitive rate play (Bond yield อ่อนตัว) : MTC SAWAD SAK KKP CPNREIT DIF 3BBIF