ตลาดหุ้นและตราสารหนี้สหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยแรงส่งจากทีมทรัมป์ผ่อนคลายท่าทีเรื่องเจรจาการค้าและมาตรการภาษี

ขณะที่ หุ้น Alphabet (GOOG US) ปรับตัวขึ้นแรงที่ +4.7% นอกเวลาทำการ หลังจากรายงานผลประกอบการที่ “ดีกว่าที่คาด” โดยได้แรงหนุนจาก การลงทุนในด้าน AI ที่ช่วยผลักรายได้ของธุรกิจโฆษณา

📌 Key Events

1. ความคืบหน้าเรื่องสงครามการค้า ภาพรวมออกมาในทางบวก โดย

• ทรัมป์ออกมายืนยันว่าได้ประชุมการค้ากับจีนแล้ว
• ด้านการประชุมสหรัฐฯ-เกาหลี ก็คืบหน้ามาก และอาจบรรลุ “ข้อตกลงเพื่อความเข้าใจ”ได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า
• ญี่ปุ่นยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมกับกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายต่อต้านจีน
• ขณะที่ จีนพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับยุโรป โดยชี้ให้เห็นว่าจีนว่าเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้มากกว่าสหรัฐฯ

👀มุมมองของเรา

• สำหรับผู้ที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้นกับหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจาก ท่าทีของทรัมป์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด,
  ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอแรงกว่าที่อื่นๆ, Valuation ของหุ้นสหรัฐฯโดยรวม ยังไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ

⭐ มีตัวเลือกอื่นๆ ที่ดูน่าสนใจมากกว่าหุ้นสหรัฐ อาทิ

I) พวกที่ความเสี่ยงสงครามการค้าจำกัด: อย่าง อินเดีย ที่มีปัจจัยบวกภายในหลายอย่าง (ดู Wealth Strategy 2Q25)
สามารถลงทุนผ่านกองทุน ES-INDAE

II) พวกที่ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยภายใน อย่าง จีน A-Shares ที่มักเคลื่อนไหวตามแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ, ภาพข้างหน้ามีแรงสนับสนุนจากการนโยบายกระตุ้นและปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาล
สามารถลงทุนผ่านกองทุน SCBASHARES(A)

III) พวกที่มีความคาดหวังต่ำมาก: อย่าง ไทย ที่หุ้นโดยรวมมี Valuation ใกล้เคียงกับวิกฤตใหญ่ปี 2008-2009
สามารถลงทุนผ่านแผนลงทุน ZEAL ที่มีความคล่องตัวสูง

IV) พวกที่มีแนวโน้มจะเจรจากับสหรัฐได้สำเร็จ และมีข้อต่อรองที่ทรัมป์ต้องการ: อย่าง ญี่ปุ่นที่มี FDI ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเวียดนามที่มีคลังสำรองแร่หายากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน
สามารถลงทุนผ่านกองทุน KFHJAPAND และ Principal VNEQ-A ตามลำดับ

V) สินทรัพย์ที่เป็นหลุมหลบภัยเศรษฐกิจ: อย่าง ตราสารหนี้คุณภาพซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ จะได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ยเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ
สามารถลงทุนผ่านกองทุน UGIS-N

2. รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาลงทุนในบริษัทที่ทำเหมืองและแปรรูปแร่สำคัญ (critical minerals)

• จุดประสงค์ คือ เพื่อความมั่นคง โดยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงจีน

👀 มุมมองของเรา

• แร่ธาตุหายาก (Rare Earths) ที่จำเป็นต่อการผลิตเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จะเป็นสมรภูมิสำคัญของการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีน

⛏️ เวียดนามจำเป็นต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เนื่องจาก มีแร่หายากในดิน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีกฏหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่เข้มงวดเท่าประเทศพัฒนาแล้ว

• สหรัฐฯอาจต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกหลายปีกว่าจะสามารถยุติการพึ่งพาจีน เนื่องจาก แม้การหาแหล่งแร่ดิบใหม่ๆ ยังพอทำได้ แต่การสร้างโรงงานแปรรูปและ โรงงานผลิตสินค้าปลายน้ำ ต้องใช้เวลา ขณะที่ การหาแร่ในมหาสมุทรก็ยังต้องใช้เวลาและต้นทุนอีกมากกว่าจะคุ้มทุน

⛏️ โอกาสเก็งกำไรในหุ้นรายตัว

I) MP Materials (MP US) เป็นผู้ผลิต rare earth รายใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี พลังงานสะอาด และอาวุธ

II) Energy Fuels (UUUU US)
เดิมทีเน้นที่ยูเรเนียมสำหรับเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งได้ประโยชน์จาก AI Boom และกำลังพลิกโฉมสู่ “ผู้เล่นยุทธศาสตร์” ในวงการ rare earth

Thanachart Global Investment

🌟ก้าวสู่การเป็นเจ้าของหุ้นชั้นนำระดับโลกใน 10 ประเทศ ได้แล้ววันนี้
⛔️ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน
📱เทรดผ่านระบบซื้อขายเดียวตลอด 24 ชม.
✅ฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินไป-กลับ
🇺🇸 เป็นเจ้าของหุ้นสหรัฐเงินลงทุนเริ่มต้นหลักร้อย ผ่านการซื้อขายแบบเศษหุ้นได้ (US fractional shares)
🇺🇸 บริการยื่นภาษีสหรัฐ เพียง 1,000 บาท ใช้บริการถึงสิ้นปี 2568

🌟คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://global-investment.thanachartsec.com/

📱 โหลดเลย Think+ global app เทรดได้ง่ายๆตลอด 24 ชม
https://microsite.thanachartsec.com/mobile-link/thanachart-think-plus-global
📞สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ Contact center 02-779-9000