รัฐบาลสั่นคลอน…เปิดโอกาสที่เป็นไปได้และผลกระทบต่อ SET
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่…รายงาน Siam Senses วันนี้ (19/6/25)
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่…รายงาน Siam Senses วันนี้ (19/6/25)
News Update: ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน…… รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version
พรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราต่อรัฐสภาเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่ง อำนาจขององค์กรอิสระ และการลงประชามติ เราเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจสร้างเสียงรบกวน แต่ไม่ทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล แก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตรา พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราต่อรัฐสภา โดยมาตราเหล่านี้มีความเกี่ยวโยงกับ 3 ประเด็นที่ต้องแก้ไข ประเด็นแรก คือ การลดและกำหนดคุณสมบัติทางจริยธรรมของผู้สมัคร ส.ส. และรัฐมนตรีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ประเด็นที่สอง คือ แก้ไขเพิ่มเติมเรื่องมติและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากปัจจุบันคำวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก แก้ไขเป็นให้ใช้เสียง 2 ใน 3 และลดการผูกมัดการตัดสินของศาลกับสถาบันอื่น ประเด็นที่สาม คือ แก้ไขหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยลดประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องมีการลงประชามติ (ดูรายละเอียดใน Exhibit 1) แรงจูงใจในการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราเชื่อว่าแรงจูงใจของพรรคเพื่อไทยมีดังต่อไปนี้ 1) พรรคเพื่อไทยต้องการลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุทางการเมืองสำหรับนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ในการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ 2) การแก้ไขดังกล่าวจะทำให้บรรดานักการเมืองที่เคยมีคดีความในศาลสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ง่ายขึ้น พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกหลายคนที่เคยถูกดำเนินคดีในศาล และอยู่ระหว่างการพิจารณา 3) พรรคเพื่อไทยต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีการลงประชามติ หากการแก้ไขดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย เราไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้สิ่งที่ต้องการ พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล […]
คุณแพรทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียง 319 ต่อ 145 เสียง (งดออกเสียง 27 คน) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ และคาดว่ากระบวนการในการแต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่ ที่ไม่น่าจะต่างกับ ครม.ชุดเดิมมากนัก ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อสานต่อนโยบายเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง และผลักดันกองทุนวายุภักษ์ต่อไป มอง SET จะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นไปที่ 1,320-1,330 จุด โดยเฉพาะหลังมีความชัดเจนเชิงนโยบายในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ และกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ผลบวกจากการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศ ได้แก่ AOT KBANK KTB CPALL COM7 CPN ADVANC TRUE CBG GULF CK BEM
News Update ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน…… รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version
ผลการเลือกตั้งของไทยไม่เป็นไปตามที่ Siam Senses คาดการณ์ไว้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง มุมมองตลาดเราจึงเปลี่ยนไปจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่สูงขึ้น และผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ความไม่แน่นอน พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเหนือความคาดหมาย ด้วยได้ที่นั่งอย่างไม่เป็นทางการ 152 ที่นั่ง เทียบกับพรรคเพื่อไทยที่ได้ 141 ที่นั่ง ซึ่งเรามองว่าทำให้เกิดความไม่แน่นอน 3 ประการที่ส่งผลลบต่อตลาด ประการแรก ยังมีความไม่แน่นอนว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลซึ่งมีที่นั่ง 313 ที่นั่งในปัจจุบันจะได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงตามที่กำหนดที่ 376 เสียงหรือไม่ ประการที่สอง ในกรณีที่พรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลสำเร็จ เรามองว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลนี้จะมีอายุไม่ยาว ซึ่งตลาดไม่ชอบรัฐบาลที่ไม่มั่นคง ประการที่สาม เราคาดว่าตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการปฏิรูปกองทัพ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และนโยบายเศรษฐกิจแบบรัฐสวัสดิการ ซึ่งอาจมีการขัดกับระบบทุนนิยม และเราเชื่อว่าตลาดมีความกังวลจากการที่พรรคก้าวไกลยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลด้วย นโยบายรัฐสวัสดิการ นโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลเน้นไปที่โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีเบี้ยเลี้ยงมากมายตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งจะต้องการเงินงบประมาณสูงมาก งบประมาณบางส่วนจะมาจากการลดงบการทหารและด้านอื่นๆ ของรัฐ การขึ้นภาษีสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงสูตรในสัมปทานและโครงการต่างๆ ของรัฐ เรามองว่าบางนโยบายเหล่านี้มีทิศทางที่ไม่เอื้อต่อระบบทุนนิยม ในขณะที่แนวคิดการบริหารเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมามักจะสนับสนุนระบบทุนนิยม ดังนั้นแม้รัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย จะสามารถจัดตั้งขึ้นได้ เราคาดว่าน่าจะทำงานร่วมกันได้ไม่นาน กรณีที่เป็นบวกต่อตลาดมากกว่า ปัจจุบันยังไม่มีความแน่ชัดว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งความไม่แน่นอนมาจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีเสียงจากสภาล่างและสภาสูงรวมกันเกินกึ่งหนึ่งหรือคือ 376 เสียง […]
News Update: ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน…… รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ใช้แต่นโยบายประชานิยมในการหาเสียง หลายนโยบายเรามองว่าสุดโต่งเกินไป และจะส่งผลลบต่อการเติบโตเชิงโครงสร้างของประเทศซึ่งอ่อนแออยู่แล้วให้อ่อนแอยิ่งขึ้น และเราเชื่อว่าหลายนโยบายไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ ประชานิยมดึงคะแนนเสียง ในอีกไม่ถึงเดือนข้างหน้าก็จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. พรรคการเมืองส่วนใหญ่ได้เปิดเผยนโยบายหาเสียงการเลือกตั้งแล้ว และพรรคการเมืองหลักทุกพรรคใช้นโยบายประชานิยมเป็นหลักในการแข่งกันหาเสียง ซึ่งรวมทั้งฝ่ายค้านรุ่นใหม่อย่างพรรคก้าวไกล เราไม่เห็นนโยบายที่จะช่วยยกระดับการเติบโตเชิงโครงสร้างของประเทศได้ เช่นนโยบายโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนอื่นๆ และไม่เห็นนโยบายการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใดๆ ที่แข่งกันเป็นหลักในหลายๆพรรคคือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่านบัตรสวัสดิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่สูงขึ้น ส่วนนโยบายประชานิยมที่สุดโต่งที่สุดในมุมมองเราคือมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามองว่างบประมาณรวมอยู่ในระดับอันตราย Exhibit 1 แสดงนโยบายที่ใช้หาเสียงของพรรคการเมืองหลักๆ นโยบายเพื่อไทยใช้เงินสูงสุด พรรคเพื่อไทยมักจะนำเสนอนโยบายประชานิยมในเชิงรุกมากที่สุดในการเลือกตั้งทุกครั้ง และครั้งนี้พรรคมีนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท แก่คนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และจะไม่ลดหรือตัดเงินสวัสดิการในปัจจุบัน นโยบายนี้ต้องใช้งบประมาณ 5.5 แสนลบ. (2.8% ของ GDP) นโยบายที่เป็นที่ถกเถียงกันอีกนโยบายหนึ่ง คือการเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเราประเมินคร่าวๆ เองว่า จะต้องใช้งบประมาณราวปีละ 4.25 แสนลบ. (2.1% ของ GDP) นอกจากนี้ยังเสนอนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาท/วัน (จาก 350 บาท […]
We see signs of a national government in the making after next year’s election. In our view, this is a win-win scenario for the military-backed political camp to secure a third term in office and for the Pheu Thai Party to return to government after nine years of absence. Military in for a third […]
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ รองนายกฯ ประวิตร เป็นรักษาการนายกฯ คณะรัฐมนตรียังทำงานได้เต็มที่ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในตอนนี้ แต่อาจเป็นบวกต่อตลาดในภายหลัง News Update เมื่อวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญของไทยรับคำร้องตีความวาระการเป็นนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำพิพากษา รัฐธรรมนูญปี 2017 ห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรวมมากกว่าแปดปี อย่างไรก็ดียังไม่มีการตีความที่ชัดเจนเกี่ยวกับวาระการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ กล่าวคือควรนับตั้งแต่เข้าเป็นนายกฯ หลังรัฐประหารปี 2014 หรือ (หมายความว่าวาระสิ้นสุดเมื่อวานนี้) หรือตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้รับการอนุมัติและลงนามโดยพระมหากษัตริย์ในปี 2017 (หมายความมีโอกาสดำรงตำแหน่งได้อีกเกือบ 3 ปี) หรือตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2019 (หมายความว่ามีโอกาสดำรงตำแหน่งได้ถึงปี 2027) ไม่มีกฎหมายจำกัดระยะเวลาการพิจารณาคดีของศาล แต่ในกรณีสำคัญนี้ คาดว่าจะพิจารณาภายในหนึ่งเดือน ในระหว่างนี้ ตามกฎหมายและตามลำดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นรักษาการนายกฯ โดยอัตโนมัติ คณะรัฐมนตรียังคงทำงานได้เต็มที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ถูกพักตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง และเขามีแผนที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป จะเป็นอย่างไรหากศาลตัดสินว่าวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลง? จากนั้นทั้งคณะรัฐมนตรีก็กลายเป็นผู้รักษาการ สมมติว่ารักษาการนายกฯ ไม่ยุบสภา ทั้งสภาล่างและสภาสูงต้องประชุมกันเพื่อลงคะแนนเลือกนายกฯ […]