ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงน่าลงทุนจากเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาประเทศหลัก เอื้อต่อการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ เศรษฐกิจจีน แม้อาจได้รับผลกระทบจากภาษีการค้า แต่ก็มีเสถียรภาพที่ดีขึ้น และจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการที่ทางการเตรียมจะออกมาเพิ่มเติม   แม้ปัจจุบันภาพเศรษฐกิจไทยจะยังคงอ่อนแอและเผชิญความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งจากปัญหาหนี้สินที่สูง, โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ยังปรับตัวช้า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง, การทุ่มสินค้าจากจีน, ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลทรัมป์  และภาพการฟื้นตัวที่ยังไม่ทั่วถึง รวมถึงเรื่องสังคมผู้สูงอายุ… อย่างไรก็ดี เราเห็นพัฒนาการเชิงบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพในระยะถัดไป จากการใช้มาตรการต่างๆของรัฐบาล, การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี แนะนำจัดพอร์ตแบบ “Moderate Risk” (เดิม Moderate High Risk) โดยให้น้ำหนักหุ้นไทย ที่ 20% (เดิม 30%), หุ้นต่างประเทศ ที่ 20% (เดิม 30%), ทองคำ ที่ 5%, Asset Fund ที่ 10% และตราสารหนี้ 45% โดยเราแนะนำลงทุนหุ้นไทยผ่านแผนลงทุน ZEAL ที่ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่อง… สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ เราแนะนำ “ซื้อ” กองทุน 1) ES-HEALTHCARE ซึ่งลงทุนในหุ้นสุขภาพทั่วโลก […]

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Zeal Insight……

เราคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่น่าลงทุน โดยแบ่งตามประเภทสินทรัพย์ ดังนี้ 1) ตราสารหนี้ไทย: KFIRMF  2) ตราสารหนี้โลก: UGISRMF, UGIS-SSF  3) หุ้นไทย: K-TNZ-THAIESG, ES-SETESG-THAIESG-A  4) หุ้นกลุ่มสุขภาพ: ES-HEALTHCARERMF  5) หุ้นโลก Defensive: KFGBRANRMF, KFGBRANSSF  6) หุ้นโลกโดยรวม: KGSELECTRMF… สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -4.2% ถึง +7.9% vs SET TRI ที่ +3.8% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

รายงานฉบับนี้เราให้มุมมองต่อเหตุการณ์สำคัญที่เวียดนามและจีน พร้อมกับให้คำแนะนำ ดังนี้ 1) “ซื้อ” Principal VNEQ-A: มองรัฐบาลเวียดนามมีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุน-การค้า-นวัตกรรม ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ,ปัจจุบัน Valuation ของหุ้นเวียดนามดูน่าสนใจอย่างมาก 2) “ย้ายออกจาก” UCI เพื่อ “ย้ายเข้า” SCBCHEQA: มองทางการจีนมีท่าทีเชิงรุกยิ่งขึ้นต่อการใช้นโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่ ปัจจุบันหุ้นจีนโดยรวมดูน่าลงทุนยิ่งกว่าหุ้นในฝั่งแผ่นดินใหญ่ … สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -2.9% ถึง +9.0% vs SET TRI ที่ +5.8% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Zeal Insight……

เรามีมุมมองและคำแนะนำทางด้านการลงทุน ดังนี้ 1) แนะนำ “ทยอยซื้อ” ASP-USSMALL-A: คาดหุ้นเล็กในสหรัฐได้ผลบวกจากหลายปัจจัย อาทิ post-election rally, นโยบายลดภาษีของทรัมป์, เศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแรง, วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง 2) แนะนำ “ซื้อ” ES-HEALTHCARE: มองปัจจุบันตลาดรับรู้ความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนของนโยบายด้านสุขภาพไปพอสมควรแล้ว และมีความเป็นได้ยากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่, มองเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางค่อยๆชะลอลง จะช่วยเพิ่มความสนใจของนักลงทุน ต่อหุ้นกลุ่มสุขภาพ… สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -3.2% ถึง +9.7% vs SET TRI ที่ +5.4%  (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

เราคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่น่าลงทุน โดยแบ่งตามประเภทสินทรัพย์ ดังนี้ 1) ตราสารหนี้ไทย: KFIRMF  2) ตราสารหนี้โลก: UGISRMF, UGIS-SSF  3) หุ้นไทย: K-TNZ-THAIESG, ES-SETESG-THAIESG-A  4) หุ้นกลุ่มสุขภาพ: ES-HEALTHCARERMF  5) หุ้นโลก Defensive: KFGBRANRMF, KFGBRANSSF  6) หุ้นโลกโดยรวม: KGSELECTRMF… สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -4.5% ถึง +7.8% vs SET TRI ที่ +6.0% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

เรารวบรวมสถิติผลตอบแทนแต่ละสินทรัพย์หลังชัยชนะสมัยแรกของทรัมป์ พร้อมกับให้มุมมองในประเด็นที่นักลงทุนไม่ควรพลาด ขณะที่ ให้คำแนะนำ ดังนี้ 1) “ขายทำกำไร” KT-Energy มองหุ้นพลังงานปรับขึ้นรับรู้ข่าวบวกเรื่องทรัมป์แล้ว, ภาพข้างหน้าถูกกดดันด้วยเมกะเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด, สงครามยูเครนที่มีโอกาสผ่อนคลายลง 2) “ซื้อเก็งกำไร” KF-HJAPAND มองได้รับผลบวกทางอ้อมจากนโยบายทรัมป์และเสถียรภาพการเมืองญี่ปุ่นที่อ่อนแอลง,  ภาพข้างหน้ารัฐบาลมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -4.6% ถึง +9.2% vs SET TRI ที่ +6.3% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Zeal Insight……

เรามีคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ดังนี้ 1) “ซื้อ” ASP-USSmall: มองมีปัจจัยสนับสนุนทั้ง post-election rally, seasonal effect ในเดือนพ.ย., ภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่ดูแข็งแรง 2) “ซื้อเก็งกำไร” KT-Energy: มองราคาน้ำมันลงมาเร็ว แต่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังไม่แน่นอน, กระแสนิยมทรัมป์ที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน ที่ดูมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น จะเป็นแรงหนุนต่อบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน 3) “ขายทำกำไร” ES-GDiv-Acc: มองภาพเศรษฐกิจสหรัฐและจีนที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้หุ้น Defensive ดูน่าสนใจน้อยลง สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -2.6% ถึง +11.8% vs SET TRI ที่ +6.0% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……