Company Equity 4 May 2023, 10:44

GPSC (SELL) – ยังดูแพงแม้กำไรฟื้นตัว –  Target Price Bt62.00, Price Bt70.00


เราคงคำแนะนำ “ขาย” GPSC โดยมองว่ามูลค่าพื้นฐานแพงเกินไปที่ 33 เท่า PE ในปี 2023F ซึ่งเป็นปีที่เราคาดกำไรจะเริ่มฟื้นตัว และเราเชื่อว่า PE ที่ 23 เท่า ในปี 2024F น่าจะสะท้อนไปแล้วถึงฐานกำไรที่ใหม่บนปี 2025F และแนวโน้มกำไรที่ทรงตัวหลังจากนั้น

คงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 62 บาท

เราคงคำแนะนำ “ขาย” GPSC ด้วย 1) มองว่ามูลค่าพื้นฐานปัจจุบันนั้นแพงเกินไปสำหรับการเป็นหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคที่ PE 33 เท่า ในปี 2023F ซึ่งเป็นปีที่เราคาดว่าอัตราการทำกำไรจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงปีที่แย่มากในปี 2022F 2) หุ้นยังดูแพงที่ PE 23 เท่าแม้มองไปบนปี 2024F ที่ เป็นปีที่เราคาด GPSC จะมีฐานกำไรสูงสุดใหม่จากแรงหนุนของโครงการโซลาร์ฟาร์มในอินเดียที่จะเริ่มทำกำไรได้เต็มที่ และอัตราการทำกำไรของโรงไฟฟ้า SPP ที่กลับมาสู่ระดับปกติก่อนเกิดวิกฤตราคาพลังงาน และเรามองว่าแนวโน้มกำไรของ GPSC จะทรงตัวในปีหลังจากนั้น 3) อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของ GPSC อยู่ที่ระดับเป้าหมายของบริษัทฯแล้ว จึงอาจเป็นข้อจำกัดในการซื้อกิจการขนาดใหญ่เพิ่มเติม และเรายังมองว่า GPSC อาจต้องปฏิบัติพันธกิจในการลดการปล่อยคาร์บอนของกลุ่ม PTT โดยรวม จึงอาจต้องลงทุนโครงการพลังงานทดแทนที่ผลตอบแทนน้อยเพิ่มเติม และ 4) เราตื่นเต้นกับธุรกิจ EV และแบตเตอรี่น้อยลงจากความคืบหน้าที่ล่าช้า

เรื่องราวการฟื้นตัวกำไร

เราปรับประมาณการกำไรปี 2023-25F ของ GPSC ขึ้น 5/14/6% และปรับราคาเป้าหมายปีฐาน 2023F ขึ้นเป็น 62 บาท (จาก 59 บาท) คือเราคาดGPSC มีกำไร 6.1/8.6/9.4 พันลบ. ในปี 2023-25F จากเดิมที่ 6.8 พันลบ. ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติราคาพลังงานในปี 2021 และกำไรที่แย่ผิดปกติที่ 1.3 พันลบ. ในปี 2022F ที่กำไรโรงไฟฟ้า SPP ถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าไฟฟ้าไม่ได้ถูกปรับขึ้นชดเชยผลกระทบได้หมด เราประเมินว่าในปี 2022F ต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 1.6 บาท/หน่วย แต่ค่าไฟฟ้าถูกปรับขึ้นเพียง 0.5 บาท/หน่วย เรามองว่าการปรับราคาไฟฟ้าจะสะท้อนผลดังกล่าวได้ดีขึ้นในปี 2023F คือต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง 0.6 บาท/หน่วย ในขณะที่ Ft ถูกปรับขึ้น 0.6 บาท/หน่วย และอัตรากำไรการผลิตไฟฟ้าจะกลับมาปกติมากขึ้นในปี 2024F ที่เราคาดว่าต้นทุนพลังงานจะลดลง 0.6 บาท/หน่วย แต่ Ft ถูกปรับลงเพียง 0.5 บาท/หน่วย

โรงไฟฟ้าหลักทยอยหมดอายุ

จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 6.7GW ของ GPSC สัญญาการผลิตไฟฟ้า รวม 1.6GW จะหมดอายุในช่วงปี 2022-25 ได้แก่ โรงไฟฟ้า SPP 3 แห่ง (รวม 914MW) ตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึง 2025 และโรงไฟฟ้า IPP ศรีราชา 700MW ในปี 2025 ขณะที่การเติบโตกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในอินเดีย (Avadaa) และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 149MW ในไต้หวัน ไม่น่าจะเพียงพอชดเชยกำไรของโรงไฟฟ้าที่หมดอายุลงได้ แม้กำลังการผลิตจาก Avadaa บนสัดส่วนการถือหุ้นของ GPSC จะขยายจาก 1.2GW ในปี 2022F เป็น 2.0GW ภายในปี 2025F

สถานะทางการเงินอาจจำกัดโอกาสการขยายตัว

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ GPSC ที่ 1.1 เท่าในปี 2022F นั้นไม่ได้สูงแต่อยู่ที่ระดับเป้าหมายของบริษัทแล้ว ซึ่งเราคาดอาจมีผลความเชื่อมโยงกับระดับหนี้โดยรวมของกลุ่ม เราจึงมองว่า GSPC จะลงทุนขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ได้จำกัดในอนาคต ส่วนการลงทุนใหญ่ 2 ครั้งล่าสุดของ GPSC คือการลงทุน 1.5 หมื่นลบ. ในปี 2021 เพื่อเข้าถือหุ้น 42% ใน Avadaa (บริษัทพัฒนาโซลาร์ฟาร์มในอินเดีย) และ 1.8 หมื่นลบ. สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม 149MW ในไต้หวันในปีนี้ ยังไม่สร้างกำไรกลับมา

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version