Company Equity 19 Nov 2024, 12:33

PIN (BUY) – ที่ดินเพิ่มขึ้น, มูลค่าถูกลง – Target Price Bt7.00, Price Bt6.10


กำไร 3Q24 ของ PIN ดีกว่าคาด และเราปรับประมาณการกำไรขึ้น 30/-5/ +6% ในปี 2024-26F เพื่อสะท้อนถึงราคาที่ดีขึ้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PIN ราคาเป้าหมาย 7.0 บาท เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนที่ดินกำลังได้รับการปลดล็อก

ราคาที่ดินดีขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”

PIN รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 แข็งแกร่งมากที่ 104 ลบ. เพิ่มขึ้น 32% y-y และ 23% q-q โดยปัจจัยที่ดีกว่าคาด ได้แก่ ปริมาณการโอนที่ดินในเขตอุตสาหกรรม (IE) และราคาที่ดิน ซึ่งผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น เราปรับประมาณการกำไรที่ +30/-5/+6% ในปี 2024-26F เพื่อสะท้อนถึงราคาที่ดินที่ดีขึ้น ปริมาณการโอนที่ดินที่เร็วขึ้นในปี 2024F เป็นผลให้การโอนที่ดินและกำไรลดลงในปี 2025F เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย NAV (ปีฐาน 2025F) ที่ 7.0 บาท 1) PIN ได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน 2) การขาดแคลนที่ดินของ PIN ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรปี 2025F ลดลง 44% ถือเป็นข่าวเก่า และปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วด้วยที่ดินใหม่ที่จะผลักดัน EPS ให้เพิ่มขึ้น 37/18% ในปี 2026-27F และ 3) PIN ถือว่าไม่แพงในมุมมองของเรา ซื้อขายที่ PE เพียง 8 เท่า พร้อมให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6.5% แม้ในปี 2025F ที่มีฐานกำไรที่ต่ำ

ความต้องการที่ดินแข็งแกร่ง

PIN ยังคงเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีนและไต้หวัน หลังจากที่มีบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งเข้ามาที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2022 ปัจจุบัน PIN ได้เห็นการไหลเข้ามาจากอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) การอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบังถือเป็นจุดขายหลักของ PIN นิคมอุตสาหกรรมของ PIN มีขนาดกลางประมาณ 1,000 ไร่ต่อนิคมฯ และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางในอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทาน เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค PIN ได้ปรับราคาขายที่ดินขึ้น 5% เมื่อต้นปี 2024 และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกในปีหน้า

เปิดตัวใหม่ใน 2H25 และ 2H26

PIN ได้เพิ่มที่ดินเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันที่ดินทั้งหมดของบริษัทมีจำนวน 2,700 ไร่ (เทียบกับ 1,000 ไร่ ในปี 2023) โดยในจำนวนนี้ 2,300 ไร่ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และรอการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) บริษัทฯ มีแผนจะเปิดนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 7 ใน 2H25 และแห่งที่ 8 ใน 2H26 และคาดว่ายอด presales ที่ดินจะเพิ่มขึ้นเป็น 700 ไร่ต่อปี ในปี 2026-27F จาก 574/450 ไร่ในปี 2024-25F เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนที่ดิน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินใหม่เริ่มเกิดขึ้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรจะลดลงเหลือ 50% ในปี 2026-27F ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี เทียบกับ 52/54% ในปี 2024-25F เราคาดว่า EPS จะเติบโตที่ +33/-44/+37/+18% ในปี 2024-27F

Undervalued และมีปัจจัยปลดล็อก

เรามองว่า PIN เป็นหุ้นที่ไม่แพง พร้อมมีปัจจัยปลดล็อกการเติบโต โดยซื้อขายที่ PE เพียง 8 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนปันผลที่ 6.5% บนฐานกำไรที่ต่ำในปี 2025F ซึ่งเราคาดว่าจะมีการโอนที่ดินที่ต่ำเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนที่ดิน เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปี 2026-27F เมื่อมีการเปิดนิคมอุตสาหกรรมใหม่สองแห่ง และมองว่าหุ้นจะถูกลงไปอีกที่ PE ที่ 6 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนปันผลที่ 8.9% บนคาดการณ์ปี 2026F  ราคาเป้าหมาย NAV ของเราคือ 7.0 บาท โดยเราให้ส่วนลด 20% สำหรับที่ดินที่พัฒนาแล้ว และประเมินมูลค่าที่ดินเปล่าที่ 1.2 เท่าของต้นทุน.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version