Bank Sector (Neutral) – มาตรการแก้ปัญหาหนี้
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อมาตรการแก้ปัญหาหนี้ที่กำหนดเป้าหมายสำหรับผู้กู้รายย่อย และ SME ที่มีความเปราะบางทางการเงิน แม้เราไม่คาดว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้กำไรลดลง แต่การเคลียร์งบดุลเพิ่มเติมอาจหนุนให้ธนาคารค่อยๆ ผ่อนปรนเกณฑ์การให้สินเชื่อที่เข้มงวด เราคาดว่า KKP TTB และ KBANK จะได้รับประโยชน์สูงสุด
มาตรการแก้ปัญหาหนี้
สมาคมธนาคารไทยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังออกแผนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน แผนดังกล่าวเน้นไปที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อ SME ที่มีการจัดชั้นเป็น stage 2 หรือ NPLs ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี มาตรการสำคัญ ได้แก่ การพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี และการลดเงินต้นผ่อนชำระ เพื่อสนับสนุนแผนดังกล่าว ธปท. จะลดค่าธรรมเนียมกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ลง 0.23% ของเงินฝากทั้งหมด เพื่อนำเงินไปหนุน 50% ของรายได้ดอกเบี้ยที่หายไป โดยธนาคารจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือ 50% สมาคมธนาคารไทยประมาณการว่าแผนดังกล่าวจะครอบคลุมบัญชี 1.5 ล้านบัญชี หนี้สินรวม 4 แสนลบ.
การเคลื่อนไหวเชิงบวก
เรามองบวกต่อแผนเหล่านี้ เนื่องจาก 1) แผนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสามารถของธนาคารในการเคลียร์งบดุล ด้วยได้รับการสนับสนุนด้านสภาพคล่องจากธปท. 2) ลูกหนี้ในกลุ่ม Stage 2 หรือ NPLs ได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าธนาคารไม่ได้รับเงินสดจากสินเชื่อเหล่านี้ในปัจจุบัน แม้ว่าการพักชำระดอกเบี้ยจะลด NIM แต่ธนาคารยังคงสามารถเรียกคืนจำนวนเงินต้นเพื่อชำระหนี้ค้างชำระได้ 3) เราคาดว่าโครงการนี้จะช่วยลดการสูญเสียจากการผิดนัดชำระหนี้ และการตั้งสำรอง และควบคุมการเกิด NPLs รวมถึงระดับของ NPL
แนวโน้มสินเชื่อเป็นอย่างไร?
แม้ว่าเราจะมีมุมมองเป็นลบอยู่แล้ว แต่การเติบโตของสินเชื่อกลับอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดยหดตัวเกือบ 2% YTD ณ เดือนตุลาคม ซึ่งสร้างความเสี่ยงด้านลบต่อคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อของเราที่ 0.7% และ 2.8% สำหรับปี 2024-25F อย่างไรก็ตาม แผนการปรับโครงสร้างนี้คาดว่าจะส่งผลให้การตั้งสำรองลดลงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เรายังคงประมาณการการเติบโตของ EPS สำหรับกลุ่มธนาคารไว้ที่ 8% ในปีนี้ และ 10% ในปีหน้า เช่นเดิม
KKP, TTB และ KBANK เป็นผู้ได้ประโยชน์หลัก
ธนาคารที่ให้สินเชื่อในกลุ่มเป้าหมายในระดับสูงมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะ KKP, TTB และ KBANK แม้ว่าเราคาดว่าโครงการนี้จะส่งผลบวก แต่ธนาคารอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีกว่าจะฟื้นคืนความต้องการสินเชื่อตามปกติได้ เราคงน้ำหนักลงทุนเป็น “NEUTRAL” โดย TTB และ KTB ยังคงเป็นหุ้น Top Picks ของเรา
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……