Healthcare Sector (Overweight) – กลับมาเติบโตในระดับปกติ
กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลของไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตในระดับปกติของธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมูลค่าหุ้นที่ถูกปรับลดลงแล้ว เราจึงยังคงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มเป็น “OVERWEIGHT” โดยให้ BCH และ CHG เป็นหุ้น Top Picks แทนที่ BDMS และ PR9
การเติบโตที่ชะลอตัวสะท้อนในมูลค่าหุ้น
กลุ่มโรงพยาบาลของไทยกำลังเข้าสู่รอบการเติบโตของกำไรที่ต่ำลงจากฐานกำไรที่สูงแล้ว โดยมีอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ย 3 ปีที่ 8% ในปี 2025-27F เทียบกับการเติบโตเฉลี่ยที่ 20% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มนี้ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุ อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากการรักษาโรคร้ายแรงและการขยายศูนย์เฉพาะทางมากขึ้น และการขยายกำลังการผลิต ROE ของกลุ่มฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ราว 18% และด้วย PE ที่ปรับลดลงแล้วเหลือ 21.6 เท่า ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง เราจึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงพยาบาลที่ “OVERWEIGHT”
ปัจจัยผลักดันกำไร
ปัจจัยหลักผลักดันกำไรในรอบการเติบโตนี้คือ 1) จำนวนผู้ป่วยชาวไทยที่เติบโต 4-5% ต่อปี ในปี 2025-27F 2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโต 4-5% ต่อปี แม้จะไม่มีผู้ป่วยชาวคูเวตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 3) ค่ารักษาพยาบาลต่อใบเสร็จเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 2-3% ต่อปี 4) รายได้จากโครงการประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี และ 5) EBIT margin เพิ่มขึ้นเป็น 17.9% ในปี 2027F จาก 17.0% ในปี 2024F จากการรักษาโรคร้ายแรงมากขึ้น และผลของ operating leverage
ความท้าทายในอุตสาหกรรม
ความท้าทายของอุตสาหกรรมนี้คือ 1) หลักเกณฑ์การเคลมประกันสุขภาพที่เข้มงวดมากขึ้น และการนำประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย (co-payment) มาใช้มากขึ้นตั้งแต่ปี 2025F และ 2) ฐานต้นทุนการรักษาพยาบาลที่สูงอยู่แล้วสำหรับคนไทย การตัดสินใจล่าสุดของสำนักงานประกันสังคมในการรับประกันอัตราการเหมาจ่ายสำหรับการรักษาผู้ป่วยในที่มีต้นทุนสูงที่ 12,000 บาท/RW ทำให้โรงพยาบาลที่ให้บริการประกันสังคมมีความเสี่ยงน้อยลง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกันสังคมจ่ายน้อยกว่าจำนวนที่แจ้งไว้ที่ 12,000 บาท/RW ในช่วงเดือนท้ายๆ ของปี
เปลี่ยนหุ้น Top Picks
เราให้ BCH และ CHG เป็นหุ้น Top Picks แทนที่ BDMS และ PR9 ในกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากเราคาดว่าทั้งสองบริษัทจะมีการเติบโตของ EPS ที่ดีกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม โดยการเติบโตของ EPS ของ BCH อยู่ที่ 34/11% ในปี 2025-26F ส่วน CHG เติบโต 25/11% ในปี 2025-26F ทั้งสองบริษัทยังเป็นผู้นำในบริการประกันสังคม และจะได้รับประโยชน์จากการชำระเงินเต็มจำนวนตามอัตรามาตรฐานที่ 12,000 บาท/RW ขณะที่ BDMS และ PR9 มีการเติบโตของ EPS ที่ต่ำกว่า แต่ซื้อขายที่ PE ที่ใกล้เคียงกัน
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……