DELTA (SELL) – ระดับสั้นเป็นบวก – Target Price Bt48.00, Price Bt76.50

- คาดกำไรแข็งแกร่งใน 1H25F
- ความต้องการเร่งด่วน และค่าใช้จ่ายลดลง
- แต่เห็นผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ชัดขึ้นใน 2H25F
- คงคำแนะนำ “ขาย”
News Update
- เราคาดว่า DELTA จะรายงานผลการดำเนินงาน 1Q25F ที่แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เกี่ยวกับ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และต้นทุนที่ลดลง และคาดว่า 2Q25F จะยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าสั่งซื้อเร่งด่วนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากภาษีจะชัดเจนมากขึ้นใน 2H25F
- เราคาดว่ากำไรของ DELTA ใน 1Q25F จะสูงกว่าที่เราเคยคาดไว้ที่ 4.5 พันลบ. (+18% y-y) ซึ่งจะถือเป็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากฐานต่ำใน 4Q24 ที่ DELTA มีกำไรเพียง 2.2 พันลบ. เนื่องจากมีรายการค่าใช้จ่ายหลายรายการ โดยการฟื้นตัวของกำไรน่าจะมาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ ได้แก่ #1. การไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษอย่างที่เกิดขึ้นใน 4Q24 เช่น ส่วนลดให้ลูกค้า (rebates), ค่าปรับจากสินค้ามีตำหนิ, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และการตั้งสำรองสินค้าคงคลังที่ลดลง นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมสิทธิ (royalty fees) ที่จ่ายให้บริษัทแม่และค่าดำเนินคดีทางกฎหมายก็น่าจะลดลงด้วย #2. ยอดขายในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ (US$) น่าจะเติบโตระดับสิบกลางๆ (mid-teens) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ AI และดาต้าเซ็นเตอร์ ทำให้ EBIT margin มีแนวโน้มขยายตัว ซึ่งประเด็นที่ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้ส่วนใหญ่เป็นผลจากปัจจัยในข้อที่ 2 สำหรับ 2Q25F DELTA น่าจะได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าจากลูกค้าสหรัฐฯ ที่เร่งสต๊อกสินค้าก่อนที่ภาษีจะปรับขึ้น หลังช่วงผ่อนผัน 90 วันสิ้นสุด ทั้งนี้ ประเทศจีนและประเทศในกลุ่ม China+1 เช่น ไทย มีแนวโน้มจะเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
- อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” DELTA เนื่องจากเรามองว่าการดำเนินงานของ DELTA มีความเสี่ยงหลายด้านจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเราคาดว่าจะเริ่มส่งผลกระทบใน 2H25F โดยเฉพาะในแง่ของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เนื่องจากภาษีดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและบั่นทอนกำลังซื้อ ในแง่ของตลาด สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของรายได้ของ DELTA และเราคาดว่ากำลังซื้อจากภูมิภาคนี้จะอ่อนตัวลงจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ในแง่ของผลิตภัณฑ์ แม้ว่าความต้องการสินค้าที่เกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์ (ซึ่งคิดเป็นราว 40% ของยอดขาย) จะยังคงมีเสถียรภาพสูง แต่สินค้ากลุ่มอื่นที่มีความอ่อนไหวต่อราคา (~60% ของยอดขาย) เช่น ยานยนต์ โทรศัพท์ PCs สินค้าอุตสาหกรรม และโทรคมนาคม กลับมีความเสี่ยงมากกว่า นอกจากนี้ DELTA ซึ่งทำหน้าที่เป็น OEM ผลิตสินค้าด้านการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าระดับโลก อาจต้องให้การสนับสนุนลูกค้า DELTA จะระบุว่าแม้ไม่มีข้อผูกพันในการรับผิดชอบภาษีดังกล่าว แต่บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องให้ส่วนลดแก่ลูกค้า ซึ่งเราประเมินว่าส่วนลดทุกๆ 1% จะทำให้กำไรของ DELTA ลดลงราว 10% ในด้านการแข่งขัน มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ DELTA ลดลงเมื่อเทียบกับผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มการจัดการพลังงานที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของบริษัท
- ในด้านมูลค่าหุ้น เรามองว่า DELTA ยังไม่ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าน่าสนใจ เนื่องจากกำลังซื้อขายที่ระดับ 2025F PE ที่ 70 เท่า ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับความไม่แน่นอนทั่วโลก
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……