OSP (SELL) – คาดผลการดำเนินงานสูงสุดใน 1Q25F – Target Price Bt12.00, Price Bt15.20

- คาด 1Q25 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุด
- ปัจจัยบวกจากเมียนมาร์
- การกินส่วนแบ่งตลาดกันเองในประเทศ
- คงคำแนะนำ “ขาย”
Analyst Meeting
- OSP จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้เพื่อชี้แจงคาดการณ์ผลการดำเนินงาน เราคาดว่ากำไรปกติ 1Q25F จะสูงกว่าที่คาด โดยอยู่ที่ 950 ลบ. เพิ่มขึ้น 15% y-y และ 54% จากฐานต่ำใน 4Q24 (นอกจากนี้ ยังจะมีกำไรที่ไม่ใช่เงินสดประมาณ 200 ลบ. จากโรงงานแก้วในเมียนมาร์ที่ขายไปเมื่อปีที่แล้ว)
- แม้รายได้จะมีแนวโน้มทรงตัว แต่อัตรากำไรสุทธิเป็นปัจจัยผลักดันหลัก โดยคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเป็น 15% จาก 11% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้แรงหนุนจากธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมาร์ที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ต่างประเทศจะมีอัตรากำไรสูงกว่าโดยธรรมชาติ เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า, ค่าใช้จ่ายในการขายที่จัดการโดยผู้จัดจำหน่าย, และอัตราภาษีบริษัทที่ต่ำกว่าในเมียนมาร์ ธุรกิจในเมียนมาร์คาดว่าจะเติบโต 20% y-y เนื่องจาก OSP ได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากบมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG, “ซื้อ”) หลังจากที่รัฐบาลมีการจำกัดการนำเข้าสินค้า FMCG รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อรักษาค่าเงินที่อ่อนค่า OSP มีโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมาร์
- จุดที่อ่อนแอ คือ ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะลดลงมากกว่า 10% y-y ด้วยมีผลกระทบจากการกินส่วนแบ่งตลาดกันเองระหว่างผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังใหม่ของ OSP ในราค 10 บาท กับผลิตภัณฑ์หลักที่ราคา 12 บาท ซึ่ง OSP ได้เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังราคา 10 บาทในเดือนกุมภาพันธ์ OSP กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
- โดยรวมแล้ว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” OSP เราคาดว่า 1Q25F จะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการสูงสุด ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงที่อ่อนแอของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมาร์ที่มีกำไรขั้นต้นสูง และคาดว่าอัตรากำไรจะมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเต็มไตรมาสจากการกินส่วนแบ่งตลาดกันเองในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่อาจเกิดขึ้นใน 2Q25 อีกทั้ง เนื่องจาก CBG จะเริ่มเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมาร์ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และมีแผนที่จะลดราคาขายลง 20% เราคาดว่าจะเริ่มมีการแข่งขันด้านราคาในตลาดเมียนมาร์ (ซึ่งคิดเป็น 30% ของกำไรของ OSP)
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……