Company Equity 31 May 2025, 00:31

SCGP (SELL) – มูลค่ายังคงแพง –  Target Price Bt12.00, Price Bt17.30


เราคงคำแนะนำ “ขาย” SCGP แม้ผลการดำเนินงาน 1Q25 ออกมาดีกว่าคาด เรายังคงคาดว่าอุตสาหกรรมที่อ่อนแอจะจำกัดโอกาสการเติบโตของ SCGP อีกทั้งเรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันนั้นแพง ด้วยซื้อขายที่ 23.5 เท่า PE เทียบกับแนวโน้มการเติบโตที่ค่อนข้างอ่อนแอ

1Q25 แข็งแกร่ง แต่คงคำแนะนำ “ขาย”

ผลการดำเนินงาน 1Q25 ของ SCGP ดีกว่าคาดจากการฟื้นตัวอย่างมากของ EBITDA margin ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์จากฐานต่ำใน 4Q24 เนื่องจากการปรับต้นทุนที่ล่าช้า เราปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 45/26/5% ในปี 2025-27F และปรับราคาเป้าหมาย (ปีฐาน 2025F) เป็น 12.0 บาท (จาก 10.0 บาท) อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำ “ขาย” เนื่องจาก 1) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังคงมีภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าสเปรดของผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์จะยังอยู่ในขอบล่างที่ US$200-215/tonne ในอีก 3 ปีข้างหน้า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ US$232 2) แม้ว่า Fajar คาดว่า EBITDA จะถึงจุดคุ้มทุนใน 2Q25F แต่ยังมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าใน 2H25F อีกทั้งผลประโยชน์จากการปิดตัวของคู่แข่งในประเทศอาจมีจำกัด เนื่องจากความต้องการที่ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง 3) ด้วยซื้อขายที่ PE ที่ 23.5 เท่า เทียบกับการเติบโตของ EPS ที่คาดว่าจะอยู่ที่ -19/+6.5/+3.6% และ ROE เพียง 4% ทำให้เรามองว่า SCGP มีมูลค่าที่แพงเกินไป

แนวโน้มยังไม่ฟื้นตัว
เนื่องจากอุตสาหกรรมยังคงมีภาวะอุปทานล้นตลาด ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์จึงคาดว่าจะยังคงทรงตัว ราคากระดาษ Testliner ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ราว US$380/tonne ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ขณะที่ราคากระดาษ AOCC ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักยังคงทรงตัวที่ US$179/tonne ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ความต้องการนำเข้าของจีนลดลงเหลือ 616,000 ตัน ในเดือนเมษายน ลดลง 6% จาก 1Q25 และลดลง 19% จาก 2Q24

Fajar ยังคงมีแนวโน้มไม่แน่นอน

กำไรสุทธิของ SCGP ใน 2Q25F คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น q-q เนื่องจาก Fajar คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนของ EBITDA จากการที่ยอดขายในประเทศแข็งแกร่งขึ้น และความต้องการเติมสต็อกสินค้าที่อาจเกิดขึ้นก่อนเกิดผลกระทบจากภาษีนำเข้า การเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศส่วนใหญ่เกิดจากการปิดกิจการของคู่แข่งในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ซึ่งส่งผลให้ราคาภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม เรายังเห็นความเสี่ยงด้านลบใน 2H25F จากผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ SCGP อาจได้ประโยชน์จากการปิดโรงงานของคู่แข่งที่จำกัด เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมโดยรวมยังอ่อนแอ และคู่แข่งที่ปิดกิจการนั้นเป็นผู้เล่นขนาดเล็ก มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3% เทียบกับ SCGP ที่ 31%

มูลค่ายังคงแพง

ราคาหุ้น SCGP พุ่งขึ้นถึง 30% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังกำไรฟื้นตัวใน 1Q25 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PE ที่ 23.5 เท่า เทียบกับคาดการณ์ว่ากำไรจะลดลง 19% ในปี 2025F และฟื้นตัวในระดับตัวเลขหลักเดียวในอีกสองปีข้างหน้า ดังนั้น PE นี้จึงดูแพงในมุมมองของเรา นอกจากนี้ SCGP ยังให้ ROE ที่ต่ำเพียง 4.1% ในปี 2025F ซึ่งไม่สนับสนุนให้หุ้นซื้อขายที่ PE ที่สูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ซื้อขายที่เพียง 14.6 เท่า 2025F PE

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version