Company Equity 31 May 2025, 00:51

SAT (BUY) – มูลค่าถูกมาก – Target Price Bt14.00, Price Bt12.20


เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” SAT แม้ผลการดำเนินงานจะอ่อนแอจากแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซา เรามองว่า SAT เป็นหุ้นที่มีมูค่าถูกมาก ซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.6 เท่า และ 46% ของมูลค่าทางบัญชีเป็นเงินสดสุทธิ ด้วยระดับเงินสดที่สูง เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนปันผลจะอยู่ในระดับสูงที่ 9.2/8.3% ในปี 2025-26F

ปรับลดกำไร แต่คงคำแนะนำ “ซื้อ”

การผลิตรถยนต์ลดลง 12% y-y ใน 4M25 และเราคาดว่าเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอจะกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ซบเซาต่อเนื่องในปี 2025-27F เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลง 21-40% ในปี 2025-27F และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 14.0 บาท จาก 16.0 บาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SAT จากมุมมองด้านมูลค่าและอัตราผลตอบแทนปันผล เรามองว่า SAT เป็นหุ้นที่มีมูลค่าถูกมาก ด้วยซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.6 เท่า โดย 46% ของมูลค่าทางบัญชีเป็นเงินสดสุทธิ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีปรับปรุงแล้วเพียง 0.2 เท่า SAT มีสถานะเป็นเงินสดสุทธิที่ 3.8 พันลบ. และเราคาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 9.2/8.3/8.6% ในปี 2025-27F

คำนึงถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ

การผลิตรถยนต์ของไทย รวมถึงยอดขายในประเทศและการส่งออก ลดลง 3/20% ในปี 2023-24 และลดลงอีก 12% y-y ใน 4M25 แม้อัตราการหดตัวจะเริ่มชะลอลง โดยในเดือนเมษายน 2025 ลดลงเพียง 0.4% y-y ซึ่งได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้น แต่เราคาดว่าอุตสาหกรรมจะยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อันเป็นผลจากนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ เราปรับประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี 2025-27F เป็น -8/-9%/0% (จากเดิม 5/8/5%) การส่งออกคิดเป็น 67% และยอดขายในประเทศคิดเป็น 33% ของยอดการผลิตรถยนต์ทั้งหมดใน 4M24 สำหรับปี 2025-27F เราคาดว่าการส่งออกรถยนต์จะอยู่ที่ -10/-10/0% ขณะที่การเติบโตของยอดขายในประเทศจะอยู่ที่ -6/-6/0% เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวด

กำไรยังคงมีแนวโน้มลดลง

เราคาดว่าการเติบโตของ EPS ของ SAT จะอยู่ที่ -25/-10%/+3% ในปี 2025-27F โดยรายได้รวมของบริษัทฯ มาจากชิ้นส่วนยานยนต์ 75% และชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร 25% ปัจจัยหลักผลักดันคาดการณ์กำไรของเราได้แก่ 1) การเติบโตของการผลิตรถยนต์ที่ -8/-9/0% และการเติบโตของการผลิตรถแทรกเตอร์ที่ 3% ต่อปี ในปี 2025-27F 2) คำสั่งซื้อชิ้นส่วนใหม่จากรุ่นรถใหม่ที่ 180 ลบ. หรือเพิ่มรายได้ราว 3% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2026F และ 3) อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจาก 17.2% ในปี 2024 เหลือ 16.1/15.8/16.2% ในปี 2025-27F จากแรงกดดันจาก operating leverage

มีสถานะเป็นเงินสดสุทธิ และให้ yield ที่ดี

แม้กำไรของ SAT จะอ่อนแอที่ -8%, +7% และ -29% ในปี 2022-24 แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ที่ 1.50-1.60 บาทต่อปี โดยการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลจาก 67% ในปี 2021 เป็น 91% ในปี 2024 ด้วยสถานะเงินสดสุทธิที่สูงถึง 3.8 พันลบ. หรือ 8.9 บาทต่อหุ้น และความต้องการใช้เงินลงทุน (capex) ที่จำกัดเพียงราว 600 ลบ. ต่อปี เทียบกับ EBITDA ที่ราว 1 พันลบ. แม้ในปีที่อ่อนแอ เราเชื่อว่า SAT สามารถรักษาอัตราการจ่ายปันผลที่ 91% ได้ต่อเนื่องในสามปีข้างหน้า ซึ่งจะหมายถึง DPS ที่ 1.1/1.0/1.0 บาท หรืออัตราผลตอบแทนปันผลที่น่าสนใจที่ 9.2%, 8.3% และ 8.6% ในปี 2025–27F

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version