Company Equity 18 Sept 2025, 07:34

STECON (BUY) – กลับมาเติบโต – Target Price Bt11.00, Price Bt9.25


STECON กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวของกำไรหลังขาดทุนในปี 2024 เราคาดว่า EPS จะเติบโต 27/10% ในปี 2026-27F โดยได้แรงหนุนจากงานในมือมูลค่า 1 แสนลบ. งานใหม่จากภาคเอกชนที่มีกำไรสูง และไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ด้วยซื้อขายที่ 2026F PE ที่ 12 และ P/BV ที่ 0.9 เท่า เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” STECON

ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 11.0 บาท; แนะนำ “ซื้อ”

บทวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง – “เติบโตด้วยตัวเอง” วันที่ 17 กันยายน 2025 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” STECON 1) ผลการดำเนินงาน 1H25 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้เราปรับกำไรปี 2025-27F ขึ้น 8/5/6% (Exhibit 1) ด้วยเปลี่ยนมาใช้ปีฐาน 2026F ทำให้ราคาเป้าหมายของเราปรับขึ้นเป็น 11.0 บาท (จาก 9.0 บาท) 2) แม้จะรวมผลกระทบจากความล่าช้าในการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานจากความเป็นไปได้ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปใน 1H26F แต่เรายังคงคาดว่ากำไรจะเติบโต 27/ 10% ในปี 2026-27F 3) ราคาหุ้นยังไม่แพงเมื่อเทียบกับทิศทางการฟื้นตัวของกำไร โดยซื้อขายที่ 2026F PE ที่ 12 เท่า และ P/BV ที่ 0.9 เท่า

ปัจจัยขับเคลื่อน

ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของกำไรของ STECON คือ มูลค่างานในมือมหาศาล ฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองอีกต่อไป งานในมือของ STECON ณ 2Q25 อยู่ที่ 1.0 แสนลบ. (ไม่รวมโครงการอู่ตะเภามูลค่า 2.7 หมื่นลบ.) เราคาดว่า STECON จะสามารถรับงานใหม่จากภาคเอกชนได้เพิ่มเติมใน 4Q25F เช่น โครงการดาต้าเซนเตอร์ 1.4 หมื่นลบ. โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5.0 พันลบ. และโครงการอาคารพาณิชย์มูลค่า 4.0 พันลบ. ซึ่งจะทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 1.07 แสนลบ. ณ สิ้นปีนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ที่ 6-8% ต่อปี ในปี 2026-27F เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวอยู่ที่ 7.2% ในปี 2025-27F (4.4/-0.4% ในปี 2023-24 และ 7.4% ใน 1H25) เนื่องจากไม่มีโครงการขาดทุนอีกต่อไป และมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และดาต้าเซนเตอร์ที่มีอัตรากำไรสูง นอกจากนี้จะไม่มีผลขาดทุนจากโครงการสายสีชมพูและสีเหลืองอีก เนื่องจากปัจจุบันถูกบันทึกเป็นเงินปันผลแทนส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (equity income)

งบดุลที่แข็งแกร่ง

เพื่อเพิ่มฐานรายได้ประจำในระยะยาว STECON มีแผนใช้จ่ายลงทุนราว 2-2.5 พันลบ. ต่อปี เพื่อกระจายธุรกิจไปยังกลุ่มพลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ระบบน้ำ และภาคโลจิสติกส์และการขนส่ง จนถึงปัจจุบัน STECON ใช้เงินไปแล้วราว 10-11 พันลบ. สำหรับแผนนี้ (ดู Exhibit 9) แม้จะรวมการลงทุนปีละ 2 พันลบ. แต่เราคาดว่าอัตราส่วนหนี้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ STECON จะยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.1-0.2 เท่า

ความเป็นไปได้ในการถอนตัวจากโครงการอู่ตะเภา

STECON ถือหุ้น 20% ในบริษัท U-Tapao International Aviation (UTA) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ชนะการประมูลโครงการสนามบินอู่ตะเภามูลค่า 2.9 แสนลบ. แม้จะชนะประมูลตั้งแต่ปี 2019 แต่โครงการยังไม่เริ่มดำเนินการ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ต้องก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินได้ มีความเป็นไปได้สูงที่ UTA จะยกเลิกสัญญา เราไม่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ STECON เนื่องจาก UTA สามารถถอนตัวจากโครงการโดยไม่ต้องถูกลงโทษ เพราะรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และยังสามารถเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยเงินลงทุนที่ได้จ่ายไปแล้วกว่า 4-5 พันลบ. ได้อีกด้วย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version