Equity Industries 18 Sept 2025, 07:03

Construction Sector (Overweight) – เติบโตด้วยตัวเอง


แม้มีความเสี่ยงจากการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นต้นปีหน้า ซึ่งอาจทำให้การประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ปี 2026F ล่าช้า แต่เรายังคงน้ำหนักลงทุนเป็น “OVERWEIGHT” กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ด้วยมองว่างานในมือในปัจจุบันเพียงพอที่จะหนุน EPS ให้เติบโต 34/16/6% y-y ในปี 2025-27F แนะนำ “ซื้อ” ทั้ง STECON และ CK

งานในมือขนาดใหญ่ขับเคลื่อนการเติบโต

แม้เรามองว่ามีความเสี่ยงจากการเลือกตั้งทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นในช่วง 1H26F ซึ่งอาจทำให้การประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในปี 2026F ล่าช้า แต่เรายังคงน้ำหนักลงทุนเป็น “OVERWEIGHT” กลุ่มรับเหมาก่อสร้างไทย และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ทั้ง STECON และ CK 1) งานในมือที่มีอยู่ในปัจจุบันรวมกันอยู่ที่ 2.92 แสนลบ. ณ 2Q25 หรือคิดเป็น 4 เท่าของคาดการณ์รายได้ปี 2025 ซึ่งถือว่าเพียงพอที่จะหนุนให้รายได้เติบโต 10/6/5% ต่อปี ในปี 2025–27F 2) อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเริ่มกลับสู่ระดับปกติหลังจากที่อยู่ในจุดต่ำสุดในปี 2023–24 3) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (equity income) ของบริษัทเพิ่มขึ้น และ 4) เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 34/16/6% y-y ในปี 2025–27F และมองว่ามูลค่าหุ้นไม่แพงที่ PE ที่ 13 เท่า และ P/BV ที่ 1 เท่า ในปี 2026F

การปรับเพิ่มประมาณการกำไร

เราปรับประมาณการกำไรของ STECON และ CK ขึ้น 12-21% ในปี 2025-27F หลังผลการดำเนินงาน 1H25 ออกมาดีกว่าคาด โดยการปรับเพิ่มนี้สะท้อน 1) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการมีสัดส่วนโครงการที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้น และไม่มีโครงการที่ขาดทุน และ 2) ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนที่น้อยลง เมื่อปรับมาใช้ปีฐาน 2026F ราคาเป้าหมายของเราสำหรับ CK และ STECON จึงปรับขึ้นเป็น 21 บาท/หุ้น (จาก 20 บาท) และ 11 บาท/หุ้น (จาก 9 บาท) ตามลำดับ

การประมูลโครงการใหม่อาจถูกเลื่อนออกไป
เราคาดว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะทำให้กรอบเวลาการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ถูกเลื่อนไปจนสิ้นปี 2026F อย่างไรก็ตาม หลายโครงการไม่ใช่โครงการที่มีมิติทางการเมือง แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศ โครงการที่เราคาดว่าจะเปิดประมูลภายใต้รัฐบาลชุดถัดไป ได้แก่ โครงการส่วนต่อขยายรถไฟสายสีแดงมูลค่า 1.5  หมื่นลบ. รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 2 มูลค่า 2.35 แสนลบ. โครงการมอเตอร์เวย์และทางด่วน มูลค่า 1.04 แสนลบ. รถไฟทางคู่เฟส 2 มูลค่า 2.85 แสนลบ. โครงการขยายสนามบินมูลค่า 6.3 หมื่นลบ.

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นทั้งสองตัว แต่ชอบ STECON มากกว่า

เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ทั้ง STECON และ CK อย่างไรก็ตาม เราเปลี่ยน Top Pick เป็น STECON เนื่องจาก STECON มีแนวโน้มการเติบโตของ EPS ที่แข็งแกร่งกว่าที่ 27/10% y-y ในปี 2026-27F เทียบกับ CK ที่ 10/4% มูลค่าหุ้นของ STECON ยังถูกกว่าเล็กน้อย โดยซื้อขายที่ PE ที่ 12 เท่า และ P/BV ที่ 0.9 เท่า ในปี 2026F เทียบกับ CK ที่ซื้อขายที่ PE ที่ 14 เท่า และ P/BV ที่ 1.0 เท่า ในส่วนของหนี้สิน STECON ยังมีอัตราส่วนหนี้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า อยู่ที่ 0.1 เท่า ในปี 2026F เทียบกับ CK ที่ 1.4 เท่า อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนที่สูงของ CK ไม่ใช่ปัจจัยกังวลสำหรับเรา เนื่องจาก CK มีการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และมีการถือหุ้นในบริษัทในเครือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ CK ด้วยเช่นกัน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version