Equity Industries 27 Nov 2025, 05:35
Finance Sector (Overweight) – ผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้
- สาขาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม: 1–2% ของทั้งหมด
- หากน้ำท่วม 1–2 สัปดาห์ ผลกระทบต่อกำไรน่าจะไม่มาก
- ปัจจัยที่ต้องติดตาม: ระยะเวลาน้ำท่วมและมาตรการรับมือของภาครัฐ
- ซื้อเมื่ออ่อนตัว TIDLOR เป็น Top Buy
News Update
- ในปัจจุบันน้ำท่วมภาคใต้ส่งผลกระทบต่อสาขาผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนเพียง 1-2% เท่านั้น แต่เราคาดว่าจะมีความกดดันสูงกว่าเหตุการณ์ในอดีตเล็กน้อย เนื่องมาจากฝนตกหนักผิดปกติและความพยายามในการบรรเทาทุกข์ที่ล่าช้า
- แม้ว่าการดำเนินงานและการปล่อยสินเชื่อใหม่จะชะลอตัวลงชั่วคราว แต่รายได้น่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อความต้องการในการฟื้นฟูเริ่มฟื้นตัว คุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
- การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราแสดงให้เห็นว่าหาก 10-25% ของสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบกลายเป็น NPL ผลกระทบต่อกำไรในปี 2026 น่าจะอยู่ที่ 2-7% ผลกระทบนี้น่าจะค่อนข้างใกล้เคียงกันในกลุ่มผู้ประกอบการ
- เราขอแนะนำให้ระมัดระวัง โดยซื้อเมื่ออ่อนตัว และ TIDLOR เป็น Top Pick ของเรา
- ตามคำแนะนำของผู้บริหาร MTC มีสาขาประมาณ 1% ในพื้นที่น้ำท่วมในปัจจุบัน ขณะที่ SAWAD และ TIDLOR ต่างมีสาขาประมาณ 2% ผู้บริหารเชื่อว่าผลกระทบจากการดำเนินงานน่าจะยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ หากระดับน้ำท่วมลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
- มุมมองของเรา: เราเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจสร้างแรงกดดันมากกว่าอุทกภัยในอดีตเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักผิดปกติ ปริมาณน้ำที่สะสมอย่างรวดเร็ว และการบรรเทาทุกข์ที่ล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่ระยะเวลาการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีจำกัดและบริษัทมีรายได้ที่กระจายตัวหลากหลาย เราคาดว่าผลกระทบต่อกำไรจะเป็นเพียงระยะสั้นและสามารถฟื้นตัวได้ ไม่ใช่ผลกระทบเชิงโครงสร้างถาวร
- เราวิเคราะห์ผลกระทบออกเป็น 3 ด้าน
- ผลกระทบด้านการดำเนินงาน: อาจมีการปิดสาขาชั่วคราว แต่ความเสียหายต่อทรัพย์สินน่าจะจำกัดเนื่องจากอุปกรณ์มีมูลค่าต่ำและสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย
- ผลกระทบต่อสินเชื่อใหม่: ปริมาณสินเชื่อใหม่อาจลดลงในช่วงน้ำท่วม แต่น่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ การฟื้นฟู การเติมสินค้า และการซ่อมแซมบ้านเรือนมักก่อให้เกิดความต้องการสินเชื่อที่ถูกอั้นไว้
- ผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์: คุณภาพสินทรัพย์เป็นความเสี่ยงหลักที่ต้องจับตามอง คาดว่าจะยังคงมุ่งเน้นมาตรการบรรเทาผลกระทบเป็นรายกรณี ซึ่งจะช่วยรักษาวินัยสินเชื่อและหลีกเลี่ยงการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ credit cost อาจเพิ่มขึ้นบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 1Q26
- บริษัทไม่ได้เปิดเผยยอดสินเชื่อรวมในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาคใต้ของไทยไม่ใช่พื้นที่ดำเนินงานหลักของ MTC, SAWAD หรือ TIDLOR เราจึงคาดว่าสินเชื่อที่มีความเสี่ยงจะต่ำกว่าสัดส่วนของสาขาที่ได้รับผลกระทบ
- เพื่อประเมินความเสี่ยง เราได้ทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหว (sensitivity analysis) โดยอิงสมมติฐานดังต่อไปนี้:
- สินเชื่อที่มีความเสี่ยงมีสัดส่วนเท่ากับเปอร์เซ็นต์ของสาขาที่ได้รับผลกระทบ
- 5%–100% ของสินเชื่อที่มีความเสี่ยงดังกล่าวกลายเป็นหนี้เสีย
- บริษัทตัดหนี้สูญเต็มจำนวน พร้อมตั้งสำรอง 100%
- ในมุมมองของเรา สถานการณ์ที่มีความเป็นจริงมากที่สุดคือ ไม่เกิน 25% ของสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจะกลายเป็น NPL เนื่องจากผู้ให้กู้มักให้ความช่วยเหลือทางการเงินชั่วคราวแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ (เช่น การพักชำระหนี้ 3 เดือน หรือการเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน) ภายใต้สมมติฐานที่ว่า 10 – 25% ของสินเชื่อกลายเป็น NPL ผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2026 ของผู้ให้กู้แต่ละรายจะอยู่ที่ประมาณ 2–7% (Ex 3)
- เราแนะนำระมัดระวัง “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” TIDLOR ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบที่สุด เนื่องจาก 1) สัดส่วนรายได้ที่กระจายตัวและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนให้ EPS เติบโตเฉลี่ยที่ 17% ต่อปี ในปี 2025-27F และ 2) มีปัจจัยบวกเหนือคาดจากเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.34 บาท (คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4% ต่อปี)* ซึ่งน่าจะช่วยรักษาระดับราคาหุ้นในระยะสั้นไว้ได้
- ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม: ระยะเวลาน้ำท่วม มาตรการรับมือของรัฐบาลที่อาจเกิดขึ้น และแนวโน้มการจัดเก็บหนี้ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
- TIDLOR ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.34 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 ธันวาคม 2025 ก่อนหน้านี้ การปรับโครงสร้างบริษัททำให้บริษัทย่อย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (NTL) ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ 4Q24 ได้ TIDLOR ได้รับเงินปันผลจาก NTL แล้ว และได้ส่งต่อเงินปันผลดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นเป็นการจ่ายระหว่างกาล ในปี 2026 TIDLOR คาดว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลประจำปีตามปกติ เรามองว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหารในการเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……
