Politics – นายกรัฐมนตรีประกาศการยุบสภา
- นายกรัฐมนตรีประกาศยยุบสภาเมื่อคืนที่ผ่านมา
- การเลือกตั้งจะจัดขึ้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2026
- ตลาดในระยะสั้นมีแนวโน้มเป็นลบ
- แต่ในทางตรงกันข้าม สิ่งนี้จะกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่ในปีหน้า
News Update:
เนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่สามารถเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ในอนาคตได้ พรรคประชาชน (PP) จึงขู่ที่จะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีแนวโน้มว่าจะไม่รอดจากการลงมติไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล จึงได้ประกาศยุบสภาเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยจะต้องเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน หรือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2026
- มุมมองของเราคือ ตลาดจะตอบรับในเชิงลบในระยะสั้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังค้างอยู่และมาตรการเยียวยาหลังน้ำท่วม ตลาดอาจจะกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่กับกัมพูชา ซึ่งที่จริงแล้วไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีอำนาจเต็มของกองทัพและรัฐบาลยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ เราไม่คาดว่าเป้าหมายดัชนี SET ที่ระดับ 1,350 จุดภายในสิ้นปีนี้จะสามารถทำได้
- อย่างไรก็ตาม เราไม่คาดว่าจะมี downside ต่อดัชนี SET มากนัก เพราะตลาดอยู่ในภาวะอ่อนแอมากอยู่แล้ว โดยมีหุ้นจำนวนมากซื้อขายใกล้ระดับช่วงวิกฤตโควิด หรือใกล้จุดต่ำสุดกลางปีจากความกังวลเรื่องมาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ ขณะที่ความคาดหวังต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจก็อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ การยุบสภาเพียงแค่เกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าจะทำในช่วงปลายเดือนมกราคม 2026 เพียงประมาณเดือนครึ่ง
- ในทางกลับกัน เรามองว่าการยุบสภากลับกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่สำหรับปี 2026 นั่นคือ ตลาดน่าจะหันไปให้ความสนใจกับผลการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ เราเห็นโอกาสดีที่พรรคภูมิใจไทยและนายกรัฐมนตรีอนุทินน่าจะกลับมานำรัฐบาลผสมฝั่งอนุรักษนิยม เราคาดว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวกหากฝ่ายอนุรักษนิยมเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากกว่า เราคงเป้าดัชนี SET ไว้ที่ 1,380 จุด
- ทำไมจึงมีโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีอนุทินและพรรคของเขาจะกลับมานำรัฐบาล? 1) ความนิยมของพรรคเพื่อไทยในมุมมองของเราอยู่ในจุดต่ำสุด 2) เรายังมองว่าพรรคประชาชน กำลังสูญเสียความนิยมจากท่าทีต่อต้านทหารในช่วงความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาในปัจจุบัน การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรครั้งก่อนเพื่อให้คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดสำหรับพรรคของตน 3) เราคาดว่าจะมีการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งต่อฝ่ายการเมืองอนุรักษนิยม โดยพรรคภูมิใจไทยเป็น พรรคใหญ่ที่สุดในช่วงวิกฤตความขัดแย้งกับกัมพูชา เนื่องจากการรับรู้ในแนวทางชาตินิยมที่เข้มแข็งของฝ่ายอนุรักษนิยม 4) พรรคภูมิใจไทยควบคุมกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทำให้พรรคมีความได้เปรียบในการจัดการเลือกตั้งระดับชาติ
- สรุปแล้ว เราคาดว่าการยุบสภาจะมีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดในระยะสั้น แต่จะกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดในต้นปีหน้าภายหลัง เราไม่คาดว่าจะมี downside มากนักต่อดัชนี SET ที่อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วจากเซนติเมนเชิงลบในระยะสั้น แม้ว่านักลงทุนบางรายอาจเลือกที่จะยังคงรอดูสถานการณ์ในช่วงนี้ หรือเลือกลงทุนในหุ้นปันผล เช่น กลุ่มธนาคาร และหุ้น defensive อื่น ๆ เช่น TRUE และ ADVANC ในด้านบวก มีความเป็นไปได้สูงที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ที่ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
- ในช่วงต้นปี 2026F เราคาดว่าจะมีปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่ๆ จากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และต่อมาจากผลการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถสร้างความหวังใหม่ให้กับทิศทางนโยบายระยะยาวได้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……