Company Equity 15 Dec 2025, 21:12

DIF (BUY) – ตัวเลือกลงทุนดักการลดดอกเบี้ย –Target Price Bt10.50, Price Bt9.20


เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” DIF ซึ่งนอกจากปัจจัยพื้นฐานจะดีขึ้นแล้ว DIF ยังเป็นให้ผลตอบแทนสูงที่ IRR 7.4% เมื่อถือครองจนครบอายุสัญญา และอัตราผลตอบแทนปันผล 9.7% ต่อปี เรามอง  DIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่น่าลงทุนดักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 17 ธ.ค.

ผลตอบแทนสูงและมีปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ย “ซื้อ”

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” DIF ด้วยราคาเป้าหมายใหม่หลังปรับมาใช้ปีฐาน 2026F ที่ 10.5 บาท/หน่วย (จาก 10.0 บาท) ด้วย 1) DIF ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 9.7% ต่อปี และมีผลตอบแทน IRR จากการถือครองจนครบอายุสัญญา 7.4%  ซึ่งเรามองว่าผลตอบแทนดังกล่าวมีความมั่นคงสูงเนื่องจากสัญญาเช่าสินทรัพย์มีอัตราราคาและปริมาณเช่าคงที่ 2) เรามองว่า DIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเราคาดจะมีการปรับลงในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ และอีกครั้งหนึ่งในเดือน เม.ย. 2026 3) ฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นมากของลูกค้าหลัก คือ  บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE, “ซื้อ”) ช่วยลดความเสี่ยงด้านคู่สัญญาลงอย่างมาก และยังมีโอกาสปรับดีขึ้นหาก TRUE ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินอีก และ 4) การเติบโตอย่างรวดเร็วของดาตาเซนเตอร์จะชาวยเพิ่มความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจะช่วยหนุนมูลค่าสินทรัพย์ของ DIF หลังสัญญาเช่าหมดอายุในปี 2043F

กระแสเงินสดมั่นคง

เราเชื่อว่า DIF จะรักษาอัตราผลตอบแทนปันผลที่ 9.7% ต่อปีไปจนถึงปี 2033F ได้หนุนโดยรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอที่ 1.4 หมื่นลบ. ต่อปีจากสัญญาเช่าที่มีอัตราราคาและปริมาณเช่าคงที่บนเสาโทรคมนาคม 16,059 เสา และเครือข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงอีกเกือบ 1 ล้านกิโลเมตรทั่วประเทศ เราคาดสัญญาเช่า 6 ใน 9 ฉบับจะได้รับการต่ออายุออกไปอีก 10 ปี จนถึงปี 2043F เนื่องจากผลการดำเนินงานของ TRUE ยังอยู่เหนือเกณฑ์การต่ออายุ ซึ่งคือ 1) รายได้บรอดแบนด์สูงกว่า 1.65 หมื่นลบ. (เทียบกับ 2.07 หมื่นลบ. ในปี 2025F) หรือ 2) ส่วนแบ่งตลาดบรอดแบนด์สูงกว่า 33% (34%) ในปี 2032F แม้อัตราค่าเช่าจะลดลงในช่วงเวลาที่ขยายออกไป ซึ่งเราประเมินว่าจะทำให้รายได้ลดเหลือ 1.14 หมื่นลบ. ต่อปีในช่วงปี 2034-43F แต่คาดปันผลยังสม่ำเสมอได้ที่ 0.89 บาท/หน่วย เทียบกับอยู่ที่ 0.92 บาท ในช่วงปี 2025-33F

ความเสี่ยงด้านคู่สัญญาลดลงอย่างมาก

เราคาดว่า EBITDA ของ TRUE จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.22 แสนลบ. ในปี 2028F จากก่อนควบรวมกิจการอยู่ที่ 5.3 หมื่นลบ. ในปี 2022 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงเหลือ 2.2 เท่า จากอยู่ที่ 4.3 เท่า ในปี 2022 (ดูรายละเอียดในบทวิเคราะห์ TRUE “โอกาสในมุมมูลค่าพื้นฐาน” วันที่ 1 ธ.ค. 2025) เราจึงมองว่าความเสี่ยงด้านคู่สัญญาของ DIF ลดลงอย่างมาก ซึ่งรวมไปถึงความเสี่ยงจากการล่าช้าในการชำระเงิน การเจรจาต่อรองสัญญาที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อตัวกองทุน หรือการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้ DIF ต้องเพิ่มทุน นอกจากนี้ฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ TRUE อาจนำไปสู่การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในอนาคตซึ่งจะเป็นปัจจัย re-rate DIF สู่ระดับอัตราตอบแทนปันผลที่ต่ำลง

ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแข็งแกร่ง

เราคาดความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะยังแข็งแกร่ง หนุนโดยการพัฒนาดาต้าเซนเตอร์ที่เร่งตัว  และการเพิ่มขึ้นของการใช้งานดาต้า เราเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G จะถูกใช้งานไปได้อีกหลายปี และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 6G ไม่น่าจะลดความต้องการโครงสร้างพื้นฐานลง ทรัพย์สินของ DIF จึงน่าจะยังมีประโยชน์ทางเทคโนโลยีได้ต่อไปหลังจากสัญญาหมดอายุ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version