BJC (U.R.) – เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัท เอ็ม เอ็ม เมก้า มาร์เก็ต ในเวียดนาม – Target Price Bt18.00, Price Bt14.60
- มูลค่าการเข้าซื้อกิจการอยู่ที่ 2.25 หมื่นลบ.
- คิดเป็น ราคา/ยอดขาย ที่ 1.26 เท่า และ P/E ปี 2024 ที่ 40.7 เท่า
- BJC คาดว่าจะสร้างกำไรเพิ่มตั้งแต่ปีแรกของการเข้าซื้อกิจการ
- ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า TP อยู่ 19% เราจึงอยู่ในช่วงทบทวนคำแนะนำ
News Update:
- BJC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ของ ทีซีซี แลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) พีทีอี แอลทีดี (TCCLI) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีการลงทุนเพียงแห่งเดียวใน บริษัท เอ็ม เอ็ม เมก้า มาร์เก็ต (เวียดนาม) จำกัด (MMVN)
- รายการดังกล่าวเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากบริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TCCC) (ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BJC ในสัดส่วน 45.7%) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MMVN ด้วย โดยบริษัทจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2026 และต้องได้รับมติอนุมัติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงของผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการปิดดีลธุรกรรมดังกล่าวได้ภายในสิ้น 1Q26
- เรามองว่าราคาการเข้าซื้อกิจการนั้นค่อนข้างแพงที่อัตราส่วนราคาต่อยอดขาย (Price-to-Sales ratio) ที่ 1.26 เท่า (ใช้ยอดขายในปี 2024) และ PE ที่ 40.7 เท่า ในปี 2024 และ 38.8 เท่า ในปี 2025F (โดยใช้การคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2025F จาก IFA) ราคาการเข้าซื้อที่สูงนี้ทำให้มีพื้นที่น้อยสำหรับข้อผิดพลาดในการประเมินกำไรของ MM Mega Market ให้ครอบคลุมต้นทุนการกู้ยืม BJC คาดว่าจะมีต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นอยู่ที่ 2.25% สำหรับระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน และจะรีไฟแนนซ์ด้วยการออกหุ้นกู้ที่คาดว่าจะมีต้นทุน 2.58%
- MMVN มีกำไรตั้งแต่ปี 2018 หลังจากที่ TCCC เข้าซื้อกิจการในปี 2015 ปัจจัยหนุนหลักคืออัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น (จาก 4.4% ในปี 2015 เป็น 14.9% ในปี 2024 ซึ่งทำให้มีอัตรากำไรสุทธิ 3.1% ในปีที่ผ่านมา จาก -4.9% ในปี 2015) โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนลูกค้า จากลูกค้า B2B 100% (ในฐานะธุรกิจขายส่ง) มาเป็น 55% ในปีที่ผ่านมา การเพิ่มส่วนแบ่งการขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็น 13.6% ใน 9M25 และการจัดหาสินค้าโดยตรงมากขึ้น กำไรสุทธิในปี 2024 ของบริษัทอยู่ที่ 553 ลบ.
- จากการคาดการณ์กำไรของ IFA สำหรับ MMVN โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 18% ในช่วง 4 ปี จาก 580 ลบ. ในปี 2025F เป็น 1,124 ลบ. ในปี 2029F และต้นทุนทางการเงินที่แนะนำอยู่ที่ 2.25-2.58% การเพิ่มขึ้นของกำไรจะทำให้การคาดการณ์กำไรของเราในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 7/8/9/10% ในช่วงปี 2026-29F ซึ่งจะทำให้คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นเฉลี่ย 4 ปี ของเราสำหรับ BJC เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 7% การประมาณการของ IFA อิงจากการขยายสาขาของ MMVN จาก 30 สาขาในปัจจุบันเป็น 54 สาขาภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม มีรูปแบบร้านค้า 5 รูปแบบ โดย 12 จาก 24 ร้านใหม่จะเป็นร้านขนาดเล็ก ได้แก่ food-service 7 แห่ง (ขนาด 1,000-2,500 ตร.ม. ต่อร้าน) และ 5 ร้าน Depot (ขนาด 500-700 ตร.ม. ต่อร้าน) เมื่อเทียบกับขนาดร้านเฉลี่ยที่ 3,500-8,000 ตร.ม. สำหรับร้านประเภท Cash and Carry
- เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของ MMVN ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นจนใกล้เคียงกับระดับ BIGC Thailand ของ BJC (อัตรากำไรขั้นต้น 17.8%, อัตรากำไรสุทธิ 2.7% ใน 9M25, และสัดส่วนการขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ 16.4%) และ MMVN ยังคงขยายร้านรูปแบบ Cash and Carry โดยตั้งเป้ายอดขาย B2B ที่ 60% ภายในปี 2030 การขยายอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย (บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 50-75bps ในปี 2026) หากเราสมมติกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 4 ปีที่ 10% สำหรับ MMVN การสร้างกำไรเพิ่มแก่คาดการณ์กำไรของ BJC ในปัจจุบันของเราจึงน่าจะค่อนข้างน้อยที่ 2/2/4/5% ในปี 2026-29F
- แม้เรามองว่าราคาเข้าซื้อกิจการที่สูงจะปัจจัยลบ แต่ราคาหุ้นของ BJC ได้ปรับตัวลงแล้ว 6% เมื่อวานนี้ และต่ำว่าราคาเป้าหมายของเราในปัจจุบันที่ 18.0 บาท/หุ้น ถึง 19% เราจึงอยู่ในช่วงทบทวนคำแนะนำของเรา (จากปัจจุบันที่แนะนำ “ขาย”)
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……
