BH (BUY) – ราคาหุ้นสะท้อนข่าวลบแล้ว–Target Price Bt243.00, Price Bt207.00
ผลการดำเนินงาน 3Q24 ของ BH ออกมาน่าผิดหวัง และเราปรับลดกำไรลง 5-6% ในปี 2024-26F อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลง 21% หลังประกาศผลการดำเนินงาน 3Q24 สะท้อนข่าวร้ายแล้ว ที่ 2025F PE ที่ 20.2 เท่า เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” BH
ปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย
BH รายงานกำไรปกติ 2 พันลบ. ใน 3Q24 เพิ่มขึ้น 2% y-y และ 3% q-q การเติบโตที่ค่อนข้างทรงตัวถือว่าน่าผิดหวัง เนื่องจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทยลดลง รายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กัมพูชา และบังคลาเทศที่อ่อนแอ ทำให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติลดลง 7% y-y ขณะที่รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยลดลง 2% y-y ใน 3Q24 สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการรักษาโรคร้ายแรงที่ลดลง อย่างไรก็ตาม BH สามารถจัดการต้นทุนได้ดีมากใน 3Q24 เราปรับลดประมาณการกำไรลง 5-6% ต่อปี ในปี 2024-26F และปรับราคาเป้าหมาย (ปีฐาน 2025F) ลงจาก 310 บาท เป็น 243 บาท
กำไรยังคงมีแนวโน้มเติบโต
แม้ผลการดำเนินงาน 3Q24 จะน่าผิดหวัง แต่เรายังคงคาดว่ากำไรของ BH จะเติบโต 10/7% ในปี 2024-25F ปัจจัยหนุนหลัก คือ รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรที่ดีขึ้น แม้เราไม่คาดว่าผู้ป่วยคูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะกลับมาใช้บริการ BH แต่เราคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นจากตลาดใหม่อื่นๆ (เช่น จีน อินโดนีเซีย เอธิโอเปีย รัสเซีย และประเทศ CIS) สถานการณ์ทางการเมืองในบังกลาเทศที่ดีขึ้น การเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ของ BH ในกัมพูชา และความต้องการของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่มีอยู่บางแห่ง เช่น สหรัฐ (ผู้ที่เดินทางเข้ามา และพำนักอาศัยในประเทศ) และมองโกเลีย จะส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติของ BH เพิ่มขึ้น เราคาดว่ารายได้ของ BH จะเติบโตขึ้น 1/4% ในปี 2024-25F ขณะที่โปรแกรมการลดต้นทุนของ BH ยังคงดำเนินไปได้ดี ดังนั้นเราจึงคาดว่า EBIT margin ของ BH จะสูงขึ้นเป็น 35.2/36.1% ในปี 2024-25F จาก 32.5% ในปี 2023
จะไม่มีการขยายธุรกิจใหม่จนกว่าปี 2026
VitalLife Scientific Wellness Center แห่งใหม่ในภูเก็ตเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการใน 3Q24 สามอาคารใหม่ใกล้กับโรงพยาบาลหลักในซอยสุขุมวิท 1 ได้แก่ อาคาร 59 เตียง Oncology Institute and Advanced technology center และอาคาร BI Annex มีกำหนดเปิดในปี 2026 นอกจากนี้ BH ยังมีแผนที่จะเปิดโรงพยาบาล 212 เตียง และศูนย์วินิจฉัยขั้นสูงในภูเก็ต ในปี 2026 ด้วย ดังนั้น เราจึงไม่คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนกว่าจะถึงปี 2026F ซึ่งเราคาดว่า EPS จะเติบโตที่ 2%
คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ไม่ใช่ Top Pick อีกต่อไป
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” BH แต่ไม่ใช่หุ้น Top Pick ของเราในกลุ่มฯ อีกต่อไป เนื่องจาก 1) เราเชื่อว่าราคาหุ้น BH ที่ลดลง 21% หลังประกาศผลการดำเนินงาน 3Q24 มาซื้อขายที่ 2025F PE ที่ 20.2 เท่า นั้นได้สะท้อนกำไรที่อ่อนแอใน 3Q24 แล้ว 2) แม้จะมีผลกระทบเชิงลบจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ แต่เรายังคงคาดว่า BH จะมีกำไรเติบโตที่ 10/7% ในปี 2024-25F และ 3) BH มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดในบรรดาหุ้นโรงพยาบาลที่เราทำบทวิเคราะห์ โดยมี ROE ที่ 28.2% ในปี 2025F เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 18.2%
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……