• โรงแรมของ MINT และ CENTEL ในตะวันออกกลางได้รับผลกระทบ
• ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ
• กำไรของ CENTEL มีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ในตะวันออกกลางสูงที่สุด
• ERW มีความเสี่ยงต่อตะวันออกกลางต่ำที่สุด

News Update

• เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยังคงดำเนินอยู่ เราเริ่มเห็นผลกระทบในเชิงลบต่อการดำเนินงานของโรงแรมในภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูมิภาคดังกล่าวลดลง ปัจจุบัน MINT บริหารโรงแรมจำนวน 25 แห่ง ในตะวันออกกลาง ขณะที่ CENTEL มีการลงทุนในโรงแรมร่วมทุนที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยถือหุ้นอยู่ 40% รายได้จากโรงแรมในตะวันออกกลางของ MINT คิดเป็นประมาณ 2-3% ของรายได้รวมจากธุรกิจโรงแรม ขณะที่โรงแรมร่วมทุนของ CENTEL คิดเป็นประมาณ 8% ของกำไรปี 2024 ผ่านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนและค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ ส่วน ERW ไม่มีโรงแรมที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางเลย
• สำหรับโรงแรมในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงโรงแรมในประเทศไทยที่ดำเนินการโดย CENTEL, ERW และ MINT ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบจากการยกเลิกการจองห้องพัก ในแง่ของรายได้จากนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้ประมาณ 1% ของรายได้รวม, ERW อยู่ที่ 5–7% และ MINT ประมาณ 6%
• อย่างไรก็ตาม หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่จากภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากยุโรปด้วย
• ประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มโรงแรม อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับฐานไปมากแล้ว และได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้แล้ว เรายังคงเลือก MINT เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มโรงแรมของเรา

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version