KTB (BUY) – หุ้นปันผลมูลค่าถูก –Target Price Bt31.00, Price Bt26.25

ปัจจุบัน KTB เป็น “Top BUY” ในกลุ่มฯ เราเชื่อว่ากำไรที่พุ่งสูงของ THAI จะช่วยลดแรงกดดันด้าน NIM และหนุนกำไรในปี 2025-26F ความยืดหยุ่นของเงินทุนและการจ่ายปันผลที่แข็งแกร่งทำให้ KTB เป็นหนึ่งในหุ้นปันผลชั้นนำ อีกทั้งมูลค่าหุ้นที่ยังถูกที่ 0.8 เท่า P/BV ยังมีอัพไซด์เพิ่มเติม
หุ้นเด่นในกลุ่ม – แนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งของบทวิเคราะห์กลุ่มธนาคาร “ผลตอบแทนมั่นคงในช่วง NIM ขาลง” วันที่ 12 กันยายน 2025 เราได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 31 บาท (จาก 25.5 บาท) สะท้อนการปรับเพิ่มกำไรสุทธิขึ้น 1–10% ในปี 2025–27F และปรับมาใช้ปีฐานเป็นปี 2026F เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” KTB ซึ่งเป็น Top pick ในกลุ่มฯ ของเรา เนื่องจาก 1) KTB มีกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรรมบมจ. การบินไทย (THAI, “ขาย”) 2) อัตราผลตอบแทนปันผลน่าสนใจที่ 7/6% ในปี 2025-26F 3) กลยุทธ์ลดความเสี่ยง (de-risking) ของธนาคารส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โดยมีอัตราส่วน NPL ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของกลุ่ม และมี coverage ratio สูงสุดเป็นอันดับสองในกลุ่ม Credit cost อยู่ในระดับปกติแล้ว แม้จะยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจมหภาค และ 4) KTB ซื้อขายที่ 2026F P/BVเพียง 0.8 เท่า ขณะที่ ROE ที่ 8.9% ซึ่งถือว่ามีมูลค่าที่ไม่แพง
กำไรพิเศษ (Windfall gain) หนุนกำไรสุทธิ
KTB โดดเด่นในฐานะเป็นธนาคารเดียวที่จัดประเภทรายการลงทุนใน THAI เป็นมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) แม้กำไรจะผันผวนในแต่ละไตรมาสจนกว่าจะมีการชำระบัญชี แต่เรามองว่าผลกระทบในช่วงที่ถือครองหุ้นยังเป็นบวก โดยอิงจากราคาเป้าหมายของเราสำหรับ THAI ที่ 11 บาท/หุ้น KTB อาจรับรู้กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (หลังหักภาษี) ใน 3Q25 ราว 9 พันลบ. หรือราว 0.7 บาท/หุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางบริหารที่ระมัดระวังของธนาคาร เราคาดว่า KTB จะนำกำไรพิเศษนี้ไปใช้เสริมความแข็งแกร่งของงบดุล โดยการตั้งสำรองพิเศษและบันทึกค่าเผื่อด้อยค่า NPA เพิ่มเติม กลยุทธ์นี้จะช่วยสร้างเบาะรองรับทางการเงินที่แข็งแกร่งให้กับกำไรปี 2026 ซึ่งอาจเผชิญแรงกดดันจาก NIM
อัตราผลตอบแทนปันผลสูง พร้อมโอกาสเพิ่มขึ้น
KTB กำลังขยายเรื่องราวการคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง ผู้บริหารตั้งเป้าให้อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในระดับเทียบเท่ากับธนาคารคู่แข่ง ภายใต้กลยุทธ์การจ่ายปันผลที่ยืดหยุ่น โดยยังเปิดโอกาสสำหรับการซื้อหุ้นคืน ด้วยการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2025 เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนปันผลจะอยู่ที่ 7% ซึ่งทำให้ KTB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มฯ แม้ปี 2026 ที่เราคาดว่าจะมีแรงกดดันต่อกำไรจาก NIM ที่แคบลง แต่อัตราการจ่ายปันผลที่ระมัดระวังที่ 50% ยังให้ผลตอบแทนแข็งแกร่งถึง 6% ด้วยงบดุลที่มั่นคงและเงินทุนส่วนเกิน KTB มีโอกาสจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นไปอีก
แนวโน้มต้นทุนความเสี่ยงคงที่
นับตั้งแต่ KTB เริ่มใช้กลยุทธ์ลดความเสี่ยงในงบดุลในปี 2020 ธนาคารได้ลดการให้สินเชื่อ SME และหันมาเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตสินเชื่อรายย่อย โดยเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อสวัสดิการที่มีความเสี่ยงต่ำ มาตรการเหล่านี้ ร่วมกับการแก้ปัญหาหนี้เสียเดิมในเชิงรุกและการตั้งสำรองที่สม่ำเสมอ ทำให้อัตราส่วน NPL ลดลงมาอยู่ในระดับเฉลี่ยของกลุ่มฯ ขณะที่ยังคงรักษาอัตราส่วน NPL coverage ไว้ในระดับสูงเป็นอันดับสองของกลุ่มฯ ที่ 176% ณ 2Q25 สำหรับปี 2026–27F แม้เผชิญสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่เราคาดว่า KTB จะมี credit cost อยู่ในกรอบปกติที่ 110–120bps ได้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……