Company Equity 16 Sept 2025, 18:30

CPF (HOLD) – กลับสู่ภาวะปกติ –  Target Price Bt25.00, Price Bt23.70


ปี 2025F จะเป็นปีที่ CPF ทำมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเราคาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่ปี 2026F แม้ราคาหมูจะปรับลงสู่ระดับปกติแล้ว เรามองว่าการซื้อขายที่ 2026F PE ที่ 10.4 เท่า นั้นเหมาะสมแล้ว และด้วยให้ผลตอบแทนปันผลที่ดีที่ 6.6/4.3% ในปี 2025-26F เราจึงแนะนำ “ถือ”  

อยู่ในระดับเหมาะสม และให้ผลตอบแทนปันผลที่ดี แนะนำ “ถือ”

บทวิเคราะห์นี้เป็นการถ่ายโอนความรับผิดชอบในการวิเคราะห์หุ้น CPF พร้อมปรับคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น “ถือ” 1) เราคาดว่ากำไรของ CPF จะลดลง 35% ในปี 2026F หลังทำกำไรสูงสุดในปี 2025F เราปรับลดกำไรลง 4.9/11% ในปี 2026-27F เพื่อสะท้อนราคาหมูที่แตะจุดสูงสุดแล้ว พร้อมปรับปีฐานเป็นปี 2026F ทำให้ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 25 บาท จากเดิม 28 บาท 2) ผลกระทบจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) เริ่มลดลงตั้งแต่ 3Q25 และราคาหมูที่อ่อนตัวอาจยังคงอยู่จนถึง 1Q26F เนื่องจากการผลิตสุกรใช้เวลาราว 7-8 เดือน 3) ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดอยู่ใกล้ช่วงต่ำสุดในอดีตแล้ว และมีแนวโน้มจะไม่ลดลงไปมากกว่านี้ 4) CPF ซื้อขายที่ระดับที่เหมาะสมที่ 2026F PE ที่ 10.4 เท่า โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนปันผลที่แข็งแกร่งที่ 6.6/4.3% ในปี 2025-26F

ปี 2025 เป็นปีแห่งสถิติที่ยากจะทำลาย

กำไร 2Q25 ของ CPF ทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้ปี 2025F มีแนวโน้มจะเป็นปีที่ทำกำไรสูงสุดอีกครั้ง และเชื่อว่ายากที่จะทำลายสถิตินี้ เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายประการที่มีโอกาสเกิดพร้อมกันน้อยในปี 2026F ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรจะลดลง 35% ในปี 2026F ปัจจัยหลักผลักดันกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2025F ได้แก่ 1) ราคาหมูที่พุ่งสูงขึ้นในไทยและเวียดนาม 2) ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลงอย่างมาก และ 3) รายได้จากเงินลงทุนในจีนที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง

ราคาหมูกำลังปรับเข้าสู่ภาวะปกติ

ธุรกิจฟาร์มของ CPF ซึ่งคิดเป็น 55% ของยอดขาย กำลังเผชิญกับราคาหมูที่ปรับตัวลงในตลาดหลัก โดยในไทย ราคาหมูลดลง 38% มาอยู่ที่ 56บาท/กก. ในเดือนกันยายน จากจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งระดับราคาดังกล่าวใกล้เคียงกับจุดคุ้มทุนการผลิต สาเหตุมาจากอุปทานล้นตลาด เนื่องจากผลกระทบของการระบาดในประเทศที่ลดลง ความต้องการตามฤดูกาลที่อ่อนตัวลง และปัญหาขาดแคลนแรงงานในโรงฆ่าสัตว์ของกัมพูชา ส่วนเวียดนาม ราคาหมูลดลงมาอยู่ที่ VND58,000/กก. ในเดือนกันยายน จาก VND68,000/กก. ใน 2Q25 อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมคาดว่าจะช่วยหนุนให้ราคาหมูปรับเข้าสู่ภาวะปกติที่สูงขึ้นในระยะยาว ในอนาคต ราคาหมูมีแนวโน้มจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อเนื่องไปยัง 4Q25-1Q26 สะท้อนระยะเวลาการผลิตที่ใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือน

ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์อยู่ในระดับต่ำแล้ว

เรามองว่าราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ และคิดเป็นราว 45% ของต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ของ CPF มีโอกาสลดลงต่อไปได้อีกไม่มาก เนื่องจากทั้งสองอยู่ใกล้จุดต่ำสุดในอดีตแล้ว และได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 ต้นทุนอาหารสัตว์น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยได้รับหนุนจากอุปทานทั่วโลกที่ล้นหลาม ซึ่งเป็นผลจากการผลิตข้าวโพดที่ทำสถิติสูงสุด และการผลิตกากถั่วเหลืองที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ บราซิล และอาร์เจนตินา ในระยะยาว CPF อาจได้ประโยชน์เพิ่มเติม หากไทยเปลี่ยนแหล่งนำเข้ากากถั่วเหลืองจากบราซิลมาเป็นสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดภาษีนำเข้า 2% โดยปัจจัยบวกนี้ยังไม่รวมอยู่ในการประมาณการของเราในขณะนี้

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงานฉบับภาษาไทย Thai Version

รายงานฉบับภาษาอังกฤษ English Version