SCGP (SELL) – 3Q25F: คาดทรงตัว q-q แต่เติบโต y-y – Target Price Bt12.00, Price Bt18.50

- คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q25F อยู่ที่ 990 ลบ. ลดลง 2%q-q แต่เพิ่มขึ้น 71% y-y
- ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษอ่อนตัวลง
- กำไรได้แรงหนุนจากการรวมงบของบริษัท Duy Tan
- มูลค่าหุ้นยังคงแพง คงคำแนะนำ “ขาย”
Earnings Preview:
- เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SCGP ใน 2Q25F จะอยู่ที่ 990 ลบ. ลดลง 2% q-q แต่เพิ่มขึ้น 71% y-y ผลการดำเนินงานที่ทรงตัวq-q ได้รับแรงหนุนจาก การประหยัดดอกเบี้ยของ Fajar และ การเข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 30% ในบริษัท Duy Tan Plastics เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งช่วยชดเชยผลประกอบการที่อ่อนแอจากธุรกิจในอินโดนีเซียและธุรกิจเยื่อกระดาษ การเติบโต y-y เป็นผลจาก ฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อนหน้า เนื่องจากมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับแพงที่ 2026F PE ที่ 20 เท่า เราจึงยังคงคำแนะนำ “ขาย”
- เราคาดว่า EBITDA ของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ จะอ่อนตัวลง q-q แต่ปรับตัวดีขึ้น y-y การลดลง q-q เป็นผลจากราคาขายที่ลดลง ซึ่งบางส่วนถูกชดเชยด้วย ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และ การควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้ว ปริมาณการขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย q-q ได้แรงหนุนจาก ลูกค้าใหม่ที่ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน Fajar คาดว่าจะยังคงมี EBITDA เป็นบวก แต่ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก แรงกดดันด้านราคา จากอุปทานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทระบุว่า ต้นทุนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยให้รักษาอัตรากำไรได้ใน 3Q25
- คาดว่า EBITDA ของธุรกิจเยื่อใย (Fibrous) จะลดลง เนื่องจาก ราคาเยื่อกระดาษปรับตัวลดลง ราคากระดาษเยื่อสั้น (short-fiber paper) ลดลง 9% q-q และ 22% y-y เหลือที่ US$498/tonne ขณะที่ราคาเยื่อเคมีละลายได้ (dissolving pulp) ลดลง 5% q-q และ 16% y-y เหลือ US$805/tonne สะท้อนถึงความต้องการสิ่งทอที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม SCGP คาดว่าราคาเคมีละลายได้จะฟื้นตัวใน 3Q25 เนื่องจากความต้องการเริ่มปรับตัวดีขึ้น
- คาดว่าบริษัทจะประกาศ ดีลการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ใหม่ภายใน 4Q25
- แนวโน้ม 4Q25 ยังคงไม่แน่นอน แม้ผูบริหารจะคาดว่า ความต้องการจะฟื้นตัว q-q แต่เรายังเห็นความเสี่ยงจากความต้องการที่อาจอ่อนตัวลง หลังจากเกิดผลของการเร่งซื้อสินค้า (front-loading effect) ในช่วงก่อนหน้า
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……