Equity Industries 1 Jan 2025, 13:12
Construction Sector (OVERWEIGHT) – โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3.19 แสนลบ. อยู่ระหว่างดำเนินการ
- มีแผนจะนำเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้
- ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2.9% น้อยมาก
- เราคาดว่ากำไรของกลุ่มฯ จะฟื้นตัวในปีนี้
- CK ยังคงเป็นหุ้น Top Pick ของเรา
News Update
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 3.19 แสนลบ. ในปีนี้ ได้แก่
- รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย มูลค่า 7.0 พันลบ.: รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์
- รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย มูลค่า 1.5 ตลิ่งชัน-รพ.ศิริราช
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 4.4 หมื่นลบ.: จิระ-อุบลราชธานี
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 8.1 หมื่นลบ.: ปากน้ำโพ-เด่นชัย
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 8.0 พันลบ.: หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 30 หมื่นลบ.: ชุมพร-สุราษฎร์ธานี
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 6.6 หมื่นลบ.: สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่
- รถไฟทางคู่ มูลค่า 6.8 หมื่นลบ.: เด่นชัย-เชียงใหม่
- นอกจากนี้เราคาดว่าโครงการใหญ่ๆ เช่น สนามบินดอนเมือง เฟส 3 มูลค่า 3.7 หมื่นลบ. โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิตะวันออก มูลค่า 1 หมื่นลบ. และทางด่วนสองชั้น มูลค่า 3.5 หมื่นลบ. จะเปิดประมูลในปีนี้ด้วย
- การดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ดังนั้น เราจึงยังคงให้น้ำหนักลงทุนเป็น “Overweight” เนื่องจาก 1) โครงการใหม่เหล่านี้จะช่วยเพิ่มปริมาณงานให้กับผู้รับเหมาที่มีอยู่แล้ว และช่วยยืดวงจรการเติบโต และ 2) มูลค่าดูน่าสนใจในมุมมองของเรา โดยกลุ่มฯ ซื้อขายที่เกือบ 1 เท่าต่ำกว่าค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง underperform SET ถึง 21% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ผู้รับเหมาที่เราทำบทวิเคราะห์ ได้แก่ CK และ STECON underperform SET ราว 7-8% เราเชื่อว่าสาเหตุมาจากกำไรที่อ่อนแอในปีที่แล้ว และความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
- อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรของ CK และ STECON จะฟื้นตัว ด้วยเติบโต 19% y-y ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณงานในมือที่มีอยู่จำนวนมาก และการเติบโตของกำไรของบริษัทร่วมค้า ผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังน้อยมาก เนื่องจากคณะรัฐมนตรีประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพียง 2.9% y-y โดยเฉลี่ย ในปีนี้
- เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” CK และ STECON และเราชอบ CK มากกว่า เพราะเราเชื่อว่า CK จะมีกำไรที่มั่นคงกว่าในปี 2024-26F จากปริมาณงานในมือที่มีอยู่มากกว่า อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า และการเติบโตของกำไรของบริษัทร่วมค้า
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……