Retail Sector (Overweight) – อ่อนแอลงไปอีก

แนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงบ้านในไทยยังคงอ่อนแอ แผ่นดินไหวไม่ได้สร้างความต้องการอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวไปพร้อมกับมาตรการเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ โดย HMPRO เป็นหุ้นเดียวในกลุ่มที่เราแนะนำ “ซื้อ”
แนวโน้มอ่อนแอลงไปอีก
ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงบ้านถือเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มค้าปลีกของไทย เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอต่อเนื่อง ความต้องการปรับปรุงบ้านที่อ่อนตัวจากกำลังซื้อที่ลดลง และรายได้ภาคการเกษตรที่ทรงตัว เหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด แม้ทำให้ความต้องการคอนโดใหม่ลดลง แต่ไม่ได้สร้างความต้องการปรับปรุงบ้านอย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ -5.9/-3.8% ในปี 2023-24 และเราคาดว่าจะอยู่ที่ -4.6/-1.0/0.5% ในปี 2025-27F เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากผลของภาษีสหรัฐฯ และมาตรการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวด ส่วนแนวโน้มรายไตรมาส ยอดขายสาขาเดิมลดลงมากขึ้น จากหดตัว 3.2% y-y ใน 1Q25 เป็นหดตัว 7-8% y-y ในเดือนเม.ย.และพ.ค.
ยังคงขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งทางการตลาด
แม้ความต้องการจะอ่อนแอ แต่ผู้ค้าปลีกกลุ่มปรับปรุงบ้านรายใหญ่ส่วนใหญ่ยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง เราคาดว่าการขยายพื้นที่ขายของกลุ่มนี้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5.3% ในปี 2025-27F ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรักษาตำแหน่งทางการตลาดในระยะยาวและเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากร้านค้าดั้งเดิมจากการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขาช่วยเพิ่มการเติบโตของยอดขาย (คาดอยู่ที่ -2/5/6% ในปี 2025-27F) ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม แต่ส่งผลให้ต้นทุนขายและบริหารต่อยอดขายสูงขึ้น และทำให้ EBIT margin ลดลงมาอยู่ที่ 7.7% ในปี 2027F จาก 8.7% ในปี 2024 แต่ในระยะยาว การเติบโตจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยมาจากสาขาที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรที่สูงขึ้นจากผลของ operating leverage
การเติบโตอ่อนแอ แต่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
แม้การปล่อยสินเชื่อจะเข้มงวด แต่มองว่าผู้ค้าปลีกปรับปรุงบ้านรายใหญ่จะยังคงมีฐานะการเงินที่ดี โดยปี 2025F คาดว่า HMPRO จะมี EBITDA หลังหักดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.45 เท่า ของ capex ส่วน GLOBAL อยู่ที่ 1.49 เท่า สำหรับ net D/E ของ HMPRO คาดว่าอยู่ที่ 0.32 เท่า ในปี 2027F จาก 0.41 เท่า ในปี 2024 ส่วน GLOBAL จะอยู่ที่ 0.25 เท่า ในปี 2027F จาก 0.32 เท่า ในปี 2024 ขณะที่ DOHOME ซึ่งเป็นผู้เล่นรายเล็กที่สุด กำลังอยู่ในช่วงกลางของรอบการลงทุน และคาดว่า EBITDA หลังหักดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.78 เท่า ของ capex ในปี 2025F และคาดว่า net D/E จะอยู่ที่ 1.44 เท่า ในปี 2027F จาก 1.30 เท่า ในปี 2024
HMPRO เป็นหุ้นเดียวที่เราแนะนำ “ซื้อ”
เราปรับลดคำแนะนำของ GLOBAL เป็น “ถือ” (จาก ซื้อ) และ DOHOME เป็น “ขาย” (จาก ซื้อ) ด้วยคาดว่าจะถูก de-rated ไปอีก GLOBAL มีมูลค่าที่แพงไปที่ 2025F PE ที่ 16.4 เท่า เทียบกับการเติบโตของ EPS ที่ -24/2% ในปี 2025-26F ส่วน DOHOME อยู่ที่ 2025F PE ที่ 20.8 เท่า เทียบกับ EPS ที่ -9/3% เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” HMPRO เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROIC) สูงถึง 18% ต่อปี เทียบกับ WACC ที่ 10% ซึ่งสนับสนุน 2025F PE ที่ 16.3 เท่า แม้ EPS จะเติบโตที่ -5/6% เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนนปันผลของ HMPRO จะอยู่ที่ 4.9% ในปี 2025F
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……